ในพริบตา 3 วันผ่านไป วันนี้คือวันขึ้นครองราชย์ของหลิงยี่เทียน บรรยากาศของเมืองหลวงขณะนี้จึงมีแต่เสียงคำรามของมังกรและเหนือน่านฟ้าของคฤหาสน์สราญรมย์ก็มีร่างของนกฟีนิกซ์ยักษ์บินวนไปวนมา
บรรดาเสนาบดีของราชสำนัก นอกเหนือจากคนที่หนีไปแล้วต่างก็พากันตกตะลึง หลิงเจิ้งสงซึ่งถูกเหลียงซานปลดออกจากตำแหน่งแม่ทัพ กำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าของบัลลังก์เพื่อรอการปรากฏตัวของหลิงยี่เทียน
แต่จนแล้วจนรอดจักรพรรดิของพวกเขายังไม่ปรากฏตัว!
“พวกท่านจะไม่มากับข้าจริง ๆ เหรอ?” หลิงยี่เทียนมองดูพี่น้องของเขาด้วยสีหน้าหนักใจ
หลิงยู่ชานยิ้มและพูดว่า “เดิมทีพวกเราก็อยากเข้าร่วมพิธีเช่นกัน แต่ท่านพ่อได้บอกไว้แล้วว่าพวกเราต้องคุกเข่าให้เจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าจะมีปัญหา ซึ่งพวกเราเองไม่ต้องการคุกเข่าลงและกราบไหว้เจ้า ดังนั้นเราจะไม่ไปร่วมพิธีวันนี้ รอให้พิธีในวันนี้จบลงก่อนแล้วพวกเราจะไปหาเจ้าเอง แต่ไช่หยุน ในเมื่อเจ้าสัญญากับพี่หกของเจ้าไว้แล้ว เจ้าจงเป็นตัวแทนของพวกเราพี่น้องไปดูพี่หกของเจ้าขึ้นครองบัลลังก์!”
หลิงยี่เทียนถอนหายใจ “น้องเจ็ดเชื่อฟังข้ามากที่สุด ข้าจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่เจ้าในภายหลัง เอาให้ทุกคนอิจฉาไปเลย!”
หลิงไช่หยุนยิ้มและพูดขึ้นว่า “มันก็แค่ข้าต้องทำความเคารพท่านแค่นั้นเองไม่ใช่รึไง? เอาเถอะ เดี๋ยวเฟิงกับข้าจะไปด้วยกัน”
เมื่อพูดคุยกับเสร็จกลุ่มคนที่จะไปยังพระราชวังก็ได้เข้าไปในรถม้า นอกจากหลิงยี่เทียน หลิงไช่หยุน เสี่ยวเยว่เฟิง ถังชี่หยุนและสามีของนางแล้ว โม่หยูถังก็ตัดสินใจที่จะตามไป
ในทางกลับกัน ซือโถวเหวินหยวนยังคงไม่ไป เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์และเขาไม่เต็มใจที่จะคุกเข่ากราบไหว้หลิงยี่เทียน
เมื่อทุกคนขึ้นรถม้ากันพร้อมจนหมดแล้ว กงหนิวก็เริ่มลากรถม้าและพาหลิงยี่เทียนไปที่พระราชวัง และตรงเข้าไปจอดในท้องพระโรงจนถึงหน้าบัลลังก์
หลังจากผ่านพิธีหลายอย่าง หลิงยี่เทียนก็ขึ้นครองราชย์อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นผู้คนทางซ้ายและขวาของห้องบัลลังก์ก็กราบลงบนพื้นทันทีพร้อมกับตะโกนว่า “ขอฝ่าบาทมีอายุยิ่งยืนนานหมื่น ๆ ปี!”
แม้แต่กองทัพศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่นอกห้องบัลลังก์ต่างก็คุกเข่าลง
หลิงยี่เทียนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่ผู้คนจำนวนมากต่างพากันหมอบกราบและสรรเสริญให้เขา เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรต่อ
และในเวลาเดียวที่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าภาพที่เขากำลังมองเห็นอยู่มันกลายเป็นอีกของสถานที่หนึ่ง ซึ่งบรรดาผู้ที่หมอบกราบเขาอยู่ตอนนี้คือเหล่าตัวตนอันยิ่งใหญ่จากบรรพกาล ซึ่งกำลังกล่าวคำสรรเสริญต่อเขาในฐานะที่เขาเป็นผู้ปกปักคุ้มครองมวลมนุษย์
ฉากอันยิ่งใหญ่นั้นทำให้เขาลุกขึ้นจากบัลลังก์โดยไม่ได้ตั้งใจ เขายืนตัวตรงและตะโกนขึ้นเสียงก้องกังวาล “พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้น!”
ฝูงชนตกตะลึงเมื่อพวกเขารู้สึกว่าจักรพรรดิองค์ใหม่นี้ไม่ทราบวิธีปฏิบัติตนตามขั้นตอน
หลิงเจิ้งสงยิ้ม ๆ ดูเหมือนว่าเขาต้องหาคนมาสอนธรรมเนียมปฏิบัติให้ฝ่าบาทองค์ใหม่เสียแล้ว
แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกงุนงง แต่พวกเขาก็ลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงยี่เทียน
หลิงยี่เทียน ในขณะนี้ที่ยืนอยู่หน้าบัลลังก์ ภาพตรงหน้าที่เขามองเห็นยังคงเป็นภาพที่พร่ามัว ซึ่งทำให้เขายืนงง เขาแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าโดยที่ยังไม่กล่าวอะไรออกมาอีกแม้สักคำ
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างก็เริ่มตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น?
หลิงเจิ้งสงที่งุนงงเช่นกัน ในขณะที่เขากำลังจะเตือนหลิงยี่เทียน โม่หยูถังโบกมือของเขาขึ้นและสร้างกำแพงวิญญาณปิดกั้นหลิงเจิ้งสงจากหลิงยี่เทียน
“ท่านแม่ทัพหลิงไม่ต้องกังวล พระองค์ต้องมีเหตุผลอื่นที่เป็นเช่นนี้แน่ ฉะนั้นท่านอย่างพึ่งรบกวนเขา ปล่อยให้เขาได้รู้สึกตัวด้วยตนเอง” โม่หยูถังเตือนขึ้น
โม่หยูถังที่อยู่กับหลิงตู้ฉิงและลูก ๆ ของเขามานาน เขาจึงพอที่จะเดาได้ว่าเหตุการณ์นี้มันน่าจะเกี่ยวกับสายเลือดของหลิงยี่เทียนที่กำลังจะตื่นขึ้นจากคำพูดของหลิงตู้ฉิงที่ว่าลูกชายของเขาคนนี้จะต้องได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิก่อนจึงจะสามารถเริ่มบ่มเพาะได้ ซึ่งนี่น่าจะเป็นหนึ่งในอาการหยั่งรู้หรือสายเลือดที่กำลังจะถูกปลุกขึ้น หรืออะไรที่มันต้องพิเศษสำหรับหลิงยี่เทียนสักอย่างแน่นอน
หลิงเจิ้งสงพยักหน้าเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร
จากนั้นทุกคนมองไปที่หลิงยี่เทียนด้วยความงุนงง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)