บทที่ 278 ช่วยตามหาเจ้าสำนัก
ทุกคนมองไปที่จงขุยอย่างไร้คำพูด
เจ้าสำนักของท่านหายไปแล้วทำไมท่านถึงไม่ไปตามหาเขากันเล่า?
ไม่ใช่แค่ว่าเขาไม่ยอมไปตามหา แต่นี่เขากลับมาอยู่ที่นี่เพื่อตามหาผู้ถูกชะตาลิขิตซะงั้น?
หลิงตู้ฉิงเองก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ “เจ้าต้องการให้ข้าช่วยตามหาคน?”
ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาที่ยังคงต่ำอยู่ เขาแน่ใจว่าเขาคงยังไม่สามารถช่วยสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ตามหาคนได้แน่นอน แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่เขามีระดับการบ่มเพาะที่สูงพอ การตามหาใครสักคนมันก็เป็นเรื่องไม่ยากสำหรับเขา
จงขุยส่ายหัวและพูดว่า “ข้าอยากให้ท่านลองฟังเรื่องที่ข้าจะเล่าก่อน”
“ลองพูดมา” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
ในเมื่อเขาเองก็ได้รับประโยชน์มาจากสำนักนี้แล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะฟังเรื่องราวของสำนักนี้เสียหน่อย
จงขุยสูดลมหายและเริ่มเล่า “ราว ๆ 5,000 ปีที่แล้ว จู่ ๆ ก็มีกลุ่มหมอกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นใกล้ ๆ กับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรา ซึ่งบริเวณพื้นที่ที่หมอกนี้ปรากฎขึ้นก็เต็มไปด้วยผนึกป้องกันที่มีพลังอันมหาศาล ส่งผลให้ทั่วทั้งบริเวณถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำอันมืดมิด จนไม่สามารถเห็นอะไรภายในได้เลย”
“เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งเกิดขึ้นใกล้กับสำนักของเรา ด้วยความกังวลใจ ทางสำนักจึงได้ส่งคนออกไปตรวจสอบ แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเราจะส่งผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งหรือจำนวนที่มากไปสักขนาดไหน ตราบใดที่พวกเขาเข้าไปในพื้นที่นั้น พวกเขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทันที แม้กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสของสำนักยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว”
“ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ทางสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราคงเลือกที่จะไม่สนใจอะไรกับมัน เนื่องจากอาณาเขตของหมอกนั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรหลังจากมันปรากฎขึ้น แต่…”
เมื่อจงขุยเล่าถึงจุดนี้ สีหน้าของเขาก็ดูสลดลงได้อย่างชัดเจน
เขาหยุดอยู่เป็นเวลานานก่อนที่เขาจะพูดต่อ “แต่ไอ้หมอกบ้านั่นมันกลับปิดกั้นมหาเต๋าของสำนักเราไปส่วนหนึ่ง จนทำให้เต๋าของสำนักกลายเป็นไม่สมบูรณ์ ซึ่งมันหมายความว่าคนของสำนักเราจะไม่สามารถบ่มเพาะตามเส้นทางเต๋าเดิมได้เหมือนเคย”
“ท่านน่าจะเดาได้ว่า นี่มันคือผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อสำนัก เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้พวกเราจึงพยายามใช้วิธีการอันทรงพลังที่สุดของสำนักเราเพื่อลบล้างพื้นที่หมอกนี้ออกไป”
“แต่น่าเสียดาย เมื่อบรรดาเหล่าคนระดับสูงในสำนักร่วมกันลงมือ แต่พื้นที่หมอกนั่นกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าการดำรงอยู่ของมันนั้นสามารถคงอยู่ได้เป็นนิรันดร์”
“ซึ่งถ้าหากสถานการณ์นี้ไม่ได้รับการแก้ไข สำนักของเราก็คงไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้เช่นกัน จากนั้นบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ หลายคนจึงทำการประชุมวางแผนและตัดสินใจที่จะส่งพวกเขาบางคนเข้าไปในพื้นที่ของหมอกนั่น เพื่อทำการตรวจสอบ”
“และหนึ่งในบรรดาผู้ที่จะเข้าไปตรวจสอบด้วยก็คือ เจ้าสำนักของพวกเรานั่นเอง”
“ที่เจ้าสำนักของเราตัดสินใจเข้าไปด้วย นั่นก็เพราะเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งและเข้าใจในกฎแห่งสวรรค์และโลกมากที่สุด”
“แต่แล้วเหตุการณ์ก็ซ้ำรอย หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในพื้นที่นั้น พวกเขาทุกคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย! โชคยังดีที่ท่านเจ้าสำนักซึ่งมีระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งและครอบครองสมบัติวิเศษบางอย่างที่ยังทำให้เรารู้ได้ว่าเขายังไม่ตาย”
“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาปัญหานี้ได้รังควาญสำนักของเรามานานนับพันปี ซึ่งพวกเราเองก็ไม่มีหนทางที่จะแก้ไข พวกเราจึงทำได้แค่ทนรอเพื่อหาทางออกให้ได้”
“ดังนั้นพวกเราเลยใช้ยันต์สั่งสวรรค์ที่จำลองพลังของกฎในพื้นที่แห่งนั้นมาไว้ที่นี่ เพื่อที่จะตามหาผู้ที่สามารถทำลายพลังแห่งกฎนี้ได้ ซึ่งคนผู้นั้นจะได้กลายเป็นผู้ถูกชะตากำหนดสำหรับสำนักของเรา นี่จึงเป็นที่มาของการก่อตั้งหมู่ตึกหยูอี่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)