ในพริบตาครึ่งเดือนผ่านไปและหมู่ตึกหยูอี่ยังคงเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่พลุ่งพล่านเหมือนเดิม และหลิงตู้ฉิงยังคงปฏิเสธที่จะพบผู้มาเยือน
นอกเหนือจาก 3 วันแรกที่มีผู้มาลองดีและถูกสังหารลงเป็นจำนวนมาก ใน 10 วันถัดมา หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวเก็บศพได้เพียง 2 ศพ
ศพทั้งสองนี้ดูไม่ธรรมดา ร่างกายของพวกเขาแปลกราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่จะเป็นเผ่าพันธุ์อะไรนั้น พวกนางเองก็ไม่ทราบเช่นกันเนื่องจากพวกนางยังเด็กและไม่มีความรู้มากนัก
แต่ศพทั้งสองนี้ค่อนข้างดีหน่อย พวกนางได้แหวนมิติมา 4 วง แน่นอนว่าพวกนางไม่รู้ว่ามันมีสมบัติอะไรอยู่ด้านในบ้าง
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นของพวกนาง ทั้งสองจึงไม่กล้าสอดรู้สอดเห็น และพวกนางได้รับหน้าที่มาให้ทำแค่ลากศพไปทิ้งและเก็บของมีค่าที่อยู่บนตัวศพเพื่อรอการส่งมอบแค่เพียงเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางรู้ชัดเจนว่าได้พบเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่เข้าแล้ว และหลิงตู้ฉิงก็ไม่กลัวผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เอาเสียเลย นอกจากสถานะของเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์แล้ว เขายังสามารถสร้างค่ายกลกระบี่ที่ทรงพลังได้อีกด้วย
ในขณะที่พวกนางยังคงคิดอยู่ จู่ ๆ ก็มีชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาพวกนางและพูดว่า “ข้าชื่อเสี่ยวหยูฉิง ข้ามาขอเข้าพบกับเจ้าของหมู่ตึกหยูอี่!”
“ขออภัย ตอนนี้นายท่านมีเรื่องสำคัญต้องทำ นายท่านของข้ายังไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบ” เปียนเฉียวเฉียวตอบทันที
เสี่ยวหยูฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นคนมาจากอาณาเขตอื่น ข้ามาหาเจ้าของหมู่ตึกหยูอี่เพื่อมีเรื่องสำคัญจะมาปรึกษากับเขา พวกเจ้าโปรดแจ้งให้เขาทราบก่อนจะได้ไหม บางทีเจ้านายของพวกเจ้าอาจยินดีที่จะพบข้า”
เปียนเฉียวเฉียวคร่ำครวญ นางคิดกับตัวเอง ใครสนใจว่าเจ้ามาจากไหน? เพียงเพราะเจ้าคิดว่าตัวเองมีเรื่องสำคัญแล้วจะได้พบกับนายท่านอย่างงั้นเหรอ? หรือเจ้าคิดว่าตัวเองมาจากอาณาเขตอื่นและอยู่ในตระกูลใหญ่โต เจ้านายของข้าเลยต้องเกรงใจอยากพบเจ้ากัน? คนที่ถูกฆ่าไปในไม่กี่วันที่ผ่านมายังมีพลังมากกว่าเจ้าอีก!
เปียนเฉียวเฉียวที่กำลังจะพูด แต่หยุนจื่อรุ่ยกลับพูดแทรกนางขึ้นมาก่อนว่า “ท่านเสี่ยว พวกเราต้องขออภัยด้วย แต่ตอนนี้นายท่านของเราไม่ว่างรับแขกจริง ๆ” หยุนจื่อรุ่ยยิ้มขณะที่นางพูดต่อ “นอกจากนี้ ท่านเสี่ยว อย่าได้คิดจะล่วงล้ำเข้าไปในหมู่ตึกหยูอี่ของเราโดยพลการอย่างเด็ดขาด ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมาทุกคนที่บุกเข้าหมู่ตึกหยูอี่ของเรา ต่างเสียชีวิตโดยสภาพศพของแต่ละคนล้วนมีสภาพไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะบางศพที่พวกเราพี่น้องเก็บไปนั้นหลายศพก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ ดังนั้นข้าขอแนะนำว่าให้ท่านรอให้นายท่านของข้าว่างเสียก่อน จากนั้นท่านค่อยเข้ามาพบจะดีกว่า!”
เสี่ยวหยูฉิงเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของหยุนจื่อรุ่ย เขาพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ขอบคุณเจ้ามากที่บอกข้าเรื่องนี้ เอาเป็นว่าข้าจะมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” หลังจากพูดจบเสี่ยวหยูฉิงก็จากไป
“กลับมาพรุ่งนี้งั้นเหรอ? พรุ่งนี้นายท่านก็ไม่มีเวลาเหมือนกัน!” เปียนเฉียวเฉียวกล่าวขึ้นอย่างฉุนเฉียว
“เฉียวเฉียว!” หยุนจื่อรุ่ยเตือนขึ้น “เราได้รับคำสั่งจากนายท่านให้รับแขกที่ทางเข้าอาคาร การตัดสินใจในวันนี้ของเจ้าไม่ดีเลย หากแขกที่มาเมื่อครู่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่อารมณ์ร้อนและเขาหาเรื่องเรา ซึ่งแน่นอนว่านายหญิงย่อมจะออกหน้าแทนพวกเราแน่นอน แต่เราจะทำให้พวกเขาเสียหน้าไม่ได้ หรือไม่บางทีพวกเราอาจจะถูกนายท่านไล่ออกเชียวนะ!”
เปียนเฉียวเฉียวย่อตัวลงและพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว…”
แม้ว่าทั้งคู่จะอายุไล่เลี่ยกัน แต่หยุนจื่อรุ่ยก็ยังมีความคิดอ่านที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเปียนเฉียวเฉียว
ในขณะที่พวกนางสองคนกำลังพูดกัน ทันใดนั้นกระแสการไหลเวียนของพลังวิญญาณภายในหมู่ตึกหยูอี่ก็หยุดลง
“นายท่านทำสำเร็จแล้ว!” เปียนเฉียวเฉียวตะโกนอย่างมีความสุข หยุนจื่อรุ่ยก็พยักหน้าอย่างมีความสุขเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกนางมองไปที่ด้านในอาคารและยังไม่มีใครออกมาเรียกพวกนางให้เข้าไปด้านใน พวกนางเองจึงไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปข้างในและยังคงยืนรออยู่ด้านนอกเช่นเดิม
ในตอนนี้แม้ว่าหลิวเฟ่ยเฟ่ยที่กำลังควบคุมค่ายกลกระบี่เหินเมฆา จะทราบว่าหลิงตู้ฉิงได้ทำการปรับแต่งยันต์สั่งสวรรค์เสร็จแล้ว แต่ในเมื่อนางยังคงไม่ได้รับคำสั่งให้ปิดการใช้งานค่ายกลกระบี่ นางจึงยังคงการป้องกันของมันไว้เช่นเดิม
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดภารกิจการปรับแต่งยันต์สั่งสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงก็เสร็จสิ้น
ในขณะนี้ บนยันต์สั่งสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าหลิงตู้ฉิงมีภาพร่างร่างหนึ่งลอยโดดเด่นอยู่ตรงกลาง ซึ่งรายละเอียดของภาพวาดนี้จะเห็นได้ว่าเป็นภาพของหญิงสาวผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดกระโปรงยาว รายละเอียดภาพของนางล้วนชัดเจนสมบูรณ์ทั้งใบหน้าและผิวพรรณของนางล้วนขาวเนียนดั่งหยกหิมะ เส้นผมที่เงาวาวยาวประบ่า คางที่เรียวบาง คอที่เรียบเนียนตลอดจนกระดูกไหปลาร้าที่บอบบางและเอวที่เรียวเล็กของนางล้วนแสดงให้เห็นว่านางเป็นผู้หญิงที่งดงามดุจดั่งเทพธิดาในเทพนิยาย
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ภาพร่างของหญิงสาวผู้นี้บนยันต์สั่งสวรรค์โดยที่ไม่พูดอะไร จากนั้นเขามองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา ซึ่งในตอนนี้สภาพร่างของเสี่ยวเยว่เฟิงนั้นผอมมากจนเห็นโครงกระดูก
นี่เป็นเพราะนางสูญเสียพลังวิญญาณจากร่างกายไปเป็นจำนวนมาก จนตอนนี้ด้วยความอ่อนเพลียนางจึงได้ตกไปอยู่ในห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงค่อย ๆ จัดท่าทางของเสี่ยวเยว่เฟิงใหม่เพื่อทำให้นางนอนหลับได้สบายภายในอ้อมแขนของเขามากยิ่งขึ้น เขารู้ดีว่าอาการบาดเจ็บของเสี่ยวเยว่เฟิงนั้นร้ายแรงเพียงใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)