ทุกคนของโลกภายนอกต่างรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอาณาเขตทะเลชางหมาง
ด้วยความผิดปกติที่ผู้เชี่ยวชาญเหนือกว่าขอบเขตสวรรค์ขึ้นไปไม่สามารถที่จะเดินทางเข้าไปด้านในได้ ซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นตัวตนระดับตำนานบางคนก็ยังมาที่นี่เพื่อทดสอบความแปลกประหลาดนี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน
และด้วยความแปลกประหลาดที่คล้ายกันของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ที่มีผนึกคล้ายกันที่ไม่อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญคนไหนก็ตามที่มีขอบเขตสูงกว่าขอบเขตสวรรค์เข้าไปได้ มันจึงมีการคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทั้งสองสถานที่นี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน
ส่งผลให้เหล่าขุมกำลังที่แข็งแกร่งหลายกลุ่มต่างก็ให้ความสนใจและส่งคนมาปักหลักดูความเปลี่ยนแปลงของอาณาเขตทะเลชางหมางอย่างใกล้ชิด
ยกตัวอย่างก็เช่น สีเป่ยเซียะ ที่มาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้เช่นกัน
“พี่หญิง ท่านเองก็คอยเฝ้าดูทางออกของอาณาเขตทะเลชางหมางนี่มานานแล้ว ท่านมีความคืบหน้าอะไรบ้างไหม?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นด้วยความสงสัย
สีเป่ยเซียะตอบกลับด้วยน้ำเสียงภูมิใจ “แน่นอนสิ ไม่งั้นข้าจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไมตั้งนมนาน”
“เช่นนั้น ความลับของทะเลชางหมางนี้มันคืออะไรกันแน่?” เย่ชิงเฉิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น
สีเป่ยเซียะหัวเราะคิกคักและตอบกลับว่า “เจ้าต้องตกลงที่จะมาเป็นน้องสะใภ้ของข้าก่อน ข้าถึงจะบอกความลับนี้ให้เจ้าฟัง”
เย่ชิงเฉิงส่ายหัวในทันทีและพูดว่า “ข้าไม่ได้ชอบน้องชายของท่าน และอีกอย่างเรื่องการแต่งงานกับข้านั้นมันอาจจะเป็นไปไม่ได้หรอก เนื่องจากด้วยความจำเป็นที่ข้ายังต้องช่วยเหลือพ่อของข้า ข้าอาจจะไม่สามารถแต่งงานกับใครคนอื่นได้!”
สีเป่ยเซียะ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ถอนหายใจด้วยความเสียดายและพูดว่า “เฮ้อ ข้าเข้าใจถึงความลำบากในสำนักของเจ้าช่วงเวลานี้ดี แม้แต่สำนักของข้าเองก็เคยส่งคนไปที่นั่นเพื่อช่วยเหลือสำนักของเจ้า แต่น่าเสียดายที่พวกเราเองก็ล้มเหลวเช่นกัน ว่าแต่ในตอนนี้พวกเจ้าก็ได้เจอกับ ‘ผู้ถูกชะตาลิขิต’ ของพวกเจ้าแล้วนี่นา ไม่แน่เขาอาจจะแก้ไขปัญหาของสำนักเจ้าให้จบลงได้ก็ได้”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็แอบสบถในใจ
‘ผู้ถูกชะตาลิขิต’ บ้าบออะไรกัน! เขามันคือ ‘ศัตรูที่ถูกลิขิตไว้ของนาง’ ซะมากกว่า
ถ้าหากเขาแต่งงานกับนางและสามารถช่วยแก้ปัญหาของสำนักนางได้สำเร็จ นางยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าราคาที่สำนักของนางจะต้องถูกเขาเรียกร้องให้จ่ายมันจะเป็นจำนวนมหาศาลแค่ไหนกัน!
จากนั้นพวกนางก็คุยกันอยู่สักพัก ก่อนที่เย่ชิงเฉิงจะถามขึ้นว่า “พี่หญิง ท่านจะกลับไปที่เมืองหลวงเมื่อไหร่กัน?”
สีเป่ยเซียะยิ้มและตอบกลับ “ในตอนแรกข้าก็คิดว่าจะกลับไปเร็ว ๆ นี้ แต่เผอิญว่าได้เจอเจ้าที่นี่ก่อนพอดี ข้าเลยคิดว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเล่นเจ้าต่อไปอีกสักพัก และอีกอย่างตอนนี้น้องชายของข้าเองก็กำลังจะมาที่นี่อีกด้วยต่างหาก!”
เย่ชิงเฉิงมองไปที่สีเป่ยเซียะด้วยสีหน้าสงสัย ทำไมจักรพรรดิของอาณาจักรอี้จิ๋นถึงต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองกัน? หรือว่านางเป็นคนเรียกให้น้องชายของนางมาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์อื่น?
เยชิงเฉิงส่ายหัวขับไล่ความสงสัยที่ไม่จำเป็นนี้ออกไปและพูดขึ้น “ข้าว่าวันนี้ข้าได้รบกวนท่านมามากเกินพอแล้ว และข้าเพิ่งจะนึกได้ว่ายังเรื่องบางอย่างที่ข้าต้องรีบไปจัดการ ฉะนั้นข้าคงต้องขอตัวลาก่อน ไว้มีโอกาสข้าจะมาหาท่านใหม่อีกครั้งก็แล้วกันนะพี่หญิง”
หลังจากร่ำลาเสร็จ เย่ชิงเฉิงก็เดินออกไปจากจวนเจ้าเมืองทันที
สีเป่ยเซียะพยักหน้าและมองนางเดินออกไป โดยที่ไม่ได้เอ่ยรั้งตัวไว้
หลังจากออกมาจากจวนเจ้าเมือง เย่ชิงเฉิงก็ครุ่นคิดถึงเรื่องของพ่อนางที่ยังคงติดอยู่ในหมอกนั่นและกำลังรอการช่วยเหลือ เมื่อคิดอยู่ได้สักพักนางจึงเดินมุ่งหน้าไปยังหมู่ตึกหยูอี่ทันที
เมื่อเดินมาถึงที่หมู่ตึกหยูอี่ นางสั่งให้โม่เอ๋อรออยู่ด้านนอกเช่นเคย และโยนวัสดุระดับสวรรค์ไปให้กับสองสาวน้อยที่อยู่หน้าตึก และเดินเข้าไปด้านในโดยไม่มีการรอให้ทั้งสองสาวน้อยที่รับวัสดุไปเข้าไปเตือนหลิงตู้ฉิงที่อยู่ด้านในก่อน
เมื่อไปถึงสวนด้านหลัง เย่ชิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงและโยน ‘เศษดาวหางทองคำ’ ไปให้กับเขาและเอ่ยสั้น ๆ “นี่ของเจ้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)