หลังจากที่หลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิงออกไปจากห้อง คนทั้งสามก็มองหน้ากันด้วยความรู้สึกอึ้งเล็กน้อย
หลังจากมองหน้ากันอยู่สักพัก มี่ไลก็พูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าต่อไปพวกเราคงจะมีเงินใช้กันอย่างไม่ขาดมือแล้วล่ะนะ”
หลิงเทียนหยุนที่นั่งอึ้ง มองอาวุธวิเศษระดับราชันที่อยู่ในมือของเขาพลางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขัดแย้ง “ระดับการบ่มเพาะของข้ายังอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณอยู่เลย แต่นางกลับมอบอาวุธวิเศษระดับราชันให้กับข้า แต่ข้าจะเอาปัญญาที่ไหนไปใช้มันได้กัน!”
มี่ไลยิ้มและพูดปลอบเขา “เจ้าก็จงค่อย ๆ ฝึกฝนต่อไป ในอนาคตเจ้าจะต้องได้ใช้มันแน่นอน”
“ใช่แล้ว เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก” หลิวเฟ่ยเฟ่ยหัวเราะ “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราควรที่จะเริ่มฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งกันต่อ ข้าคิดว่าเมื่อครู่ข้าเริ่มพอจะจับทางมันได้บ้างแล้ว พวกเรามาพยายามด้วยกันต่ออีกรอบ!”
เมื่อพูดจบทั้งสามคนก็เก็บสิ่งของที่ตัวเองได้รับมาและเริ่มตั้งใจฝึกฝนกันต่อ
และหลังจากนั้นสักพักใหญ่ ๆ หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และเริ่มแสดงตัวอย่างวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งให้ทั้งสามคนได้ดูกันตามเดิม
ในอีกด้านหนึ่ง เย่ชิงเฉิงยังคงไม่สามารถลบภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่นางเห็นด้านในห้องของมี่ไลออกไปจากในหัวได้ นางยังคงรู้สึกงุนงงและเหลือบมองไปยังหลิงตู้ฉิงอยู่หลายต่อหลายที
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงพานางไปพบกับคนของเขาจนครบทุกคนแล้ว เขาจึงถามกับนางว่า “ถ้าหากเจ้ามีคำถามอะไรที่ต้องการจะถาม เจ้าก็ถามมาได้เลยตอนนี้!”
“พวากเขากำลังฝึกวิชาอะไรกัน?” เย่ชิงเฉิงถามคำถามที่คาใจนางมากที่สุดเป็นอันดับแรกก่อน
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พวกเขาทั้งหมดจะสามารถเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้โดยการใช้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ที่พวกเขากำลังฝึกฝนอยู่แทนการใช้กุญแจเพื่อการผ่านเขตแดนเข้าไปด้านใน ดังนั้นข้าจึงเหลือสิทธิ์ในการเข้าอยู่เป็นจำนวนมากและต้องการที่จะขายมันออกไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงรู้สึกหนาวไปจนถึงขั้วกระดูก จากนั้นนางถามขึ้นว่า “วิชาที่ชื่อว่า วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ที่ท่านพูดถึงมันสามารถทำให้พวกเขาสามารถผ่านไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจงั้นเหรอ?”
เย่ชิงเฉิงถามด้วยความรู้สึกตกตะลึง
ในทุก ๆ สิทธิ์ที่ถูกกำหนดให้เข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ นั้นมันหมายถึงโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนคนหนึ่งให้เปลี่ยนไปตลอดกาล ซึ่งสิทธิ์ดังกล่าวนี้มันมีจำนวนน้อยซะยิ่งกว่าน้อยหากเทียบกับจำนวนคนที่ต้องการมัน
แต่ด้วยการมีอยู่ของวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง หากสำนักไหนได้มีโอกาสเรียนรู้วิชานี้ไป และเมื่อถึงเวลาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น นั่นมันจะไม่หมายถึงว่าสำนักนั้นสามารถส่งเหล่าศิษย์เข้าไปได้เป็นจำนวนมากจนเสมือนเป็นการผูกขาดการเป็นเจ้าของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปเลยงั้นหรือ?
“สามี ข้า…” เย่ชิงเฉิงอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่นางยังคงรู้สึกลังเล
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างเข้าใจนางและพูดว่า “เจ้าสามารถเรียนรู้วิชานี้ได้ แต่เจ้าไม่สามารถถ่ายทอดมันต่อให้กับบุคคลอื่นได้ ทักษะวิชานี้ต้องเป็นคนในสมาชิกครอบครัวของเราเท่านั้นที่จะสามารถมีโอกาสได้เรียนรู้มัน ส่วนเจ้าเองในเมื่อตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว เจ้าจึงมีสิทธิ์ได้เรียนรู้วิชานี้เช่นกันและนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ข้าต้องบังคับให้แม่ของเจ้าถอนเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของนางออกไปจากห้วงจิตสำนึกของเจ้า”
เมื่อได้รู้ความลับเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงรู้ได้ทันทีว่าต่อหน้าของหลิงตู้ฉิง ฐานะของนางนั้นเป็นแค่เรื่องตลกไม่ควรค่านำมาโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย
“สามี แล้วพี่สาวคนนั้นล่ะ?” เย่ชิงเฉิงข่มอารมณ์ดีใจของนางเอาไว้ก่อนและถามคำถามขึ้นต่อ
“นางเป็นสหายเก่า ที่ความสัมพันธ์ของข้ากับนางนั้นค่อนข้างซับซ้อนนิดหน่อย” หลิงตู้ฉิงตอบแบบเลี่ยง ๆ
เย่ชิงเฉิงพยักหน้ารับทราบและไม่ได้ถามอะไรต่อเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับหญิงสาวผู้นั้น
ขณะนี้นางมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยแววตาชื่นชม จากนั้นจึงพูดว่า “สามี ขะ ข้าตอนนี้รู้สึกว่าข้าก็โชคดีเหมือนกันที่ท่านบังคับให้ข้าแต่งงานกับท่าน ไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะไม่ได้รู้ความลับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ว่าแต่สามี ถ้าหากข้าได้เรียนรู้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง แล้วข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ของกุญแจที่ข้ามีอยู่เพื่อเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นข้าควรขายมันออกไปจะดีรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มตอบ “ได้สิ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าเราจะมีสิทธิ์ที่สามารถขายได้อีก 4 สิทธิ์”
เย่ชิงเฉิงครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นนางจึงเสนอว่า “สามี ในเมื่อเรามีสิทธิ์ในการเข้าอยู่ไม่น้อยเลย ถ้างั้นข้าคิดว่าข้าเองก็อยากจะคืนสิทธิ์ที่ข้าริบมามาจากศิษย์พี่ทั้งสองของข้าให้พวกเขาได้เข้าไปกันได้ทั้งคู่หมือนเดิม เพราะว่าถ้าหากไม่จำเป็นจริง ๆ ข้าก็ไม่อยากจะรบรากับพวกเขาในระหว่างที่อยู่ข้างนอกนี้เช่นกัน”
“ถ้าเช่นนั้นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน” หลิงตู้ฉิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว
และในเวลาเดียวกับที่คนทั้งสองกำลังคุยกัน หยุนจื่อรุ่ยก็ได้เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งสองและรายงานว่า “นายท่าน จักรพรรดิแห่งอาณาจักรอี้จิ๋นได้มาขอเข้าพบกับท่าน!”
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อย่าตื่นตระหนก ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เจ้าจงทำเช่นเดิมคือแจ้งให้เขามอบวัสดุมาก่อนจากนั้นค่อยให้เขาผ่านเข้ามา”
เย่ชิงเฉิงหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ท่านนี่มันจริง ๆ เลยนะ ถ้าท่านขาดแคลนวัสดุขนาดนั้น ท่านก็มาเอาจากข้าก็ได้นี่นา ข้ามีพวกมันอยู่ตั้งเยอะแยะ ท่านเป็นสามีของข้า ของของข้าก็เหมือนของของท่านนั่นแหละ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)