บทที่ 352 ไหลไปตามน้ำ
“อารามนวดารา? อารามนภากระจ่าง? สำนักอักขระวิญญาณ? ผู้อาวุโส?” ลั่วหยุนพึมพำกับตัวเอง
ด้านล่างของเมืองหยูหลันเป็นสถานที่ที่วิญญาณปีศาจถูกปิดผนึกไว้และในเมื่อเขาตั้งใจจะผนึกมันไว้ที่นี่ตลอดกาล เขาจะไม่สนใจสถานการณ์ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในเมืองหยูหลันได้อย่างไร?
บางครั้งลั่วหยุนจึงส่งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของเขาไปเกาะติดอยู่กับผู้คนในเมืองหยูหลัน เพื่อคอยสอดส่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเมือง
ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกไปไหนและอาศัยอยู่แต่ในหอการค้าเชื่อมสวรรค์ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็รับรู้สถานการณ์ความเป็นไปแทบจะทั้งหมดในเมืองหยูหลันได้อยู่ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใกล้ถึงช่วงที่ ‘กล้วยไม้หยก’ กำลังจะเบ่งบาน ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับวิญญาณปีศาจเต็ม ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง
และด้วยความต่างกันของระดับการบ่มเพาะ คนธรรมดาทั้งหลายจึงไม่สามารถค้นพบเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของเขาได้
ภายใต้การสอดส่องเช่นนี้ของเขา ก่อนหน้านี้เขาจึงได้ค้นพบร่องรอยของสำนักต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหวกันอย่างน่าสงสัย ดังนั้นเขาจึงส่งกลุ่มเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของเขาแยกย้ายกันไปตรวจสอบหาเบาะแสต่าง ๆ จนท้ายที่สุดเขาก็ได้ค้นพบความลับเบื้องหลังการเป็นพันธมิตรของทั้งสามสำนัก
เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดกับอู่จิ๋วว่า “ไปหาหลิงตู้ฉิง บอกเขาว่าข้ามีเรื่องจะคุยกับเขาและบอกเขาว่าไม่ต้องมาที่นี่”
อู่จิ๋วพยักหน้า เขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะเจรจากันอย่างไร แต่เขาก็ทำตามที่บอก
เมื่อมาถึงเรือนบนยอดเขา อู่จิ๋วจึงได้ถ่ายทอดคำพูดให้หลิงตู้ฉิงฟัง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย ซึ่งเขาเองก็เข้าใจเจตนาของลั่วหยุนเช่นกัน จากนั้นเขาจึงสั่งให้อู่จิ๋วอย่าขัดขืน จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงใช้เคล็ดวิชา ‘ห้วงนิทราแห่งราชันย์’ เพื่อเข้าสู่ห้วงความฝันของอู่จิ๋วและเพื่อไปพบกับเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของลั่วหยุน
หลังจากที่ลั่วหยุนเล่าเรื่องของสำนักต่าง ๆ แล้วเขาก็พูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ท่านคิดว่าเราควรจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?”
หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ปล่อยให้พวกมันทำตามแผนไปก่อน! ถ้าวิญญาณปีศาจมันไม่ถูกปล่อยออกมา การที่จะจัดการกับมันจะยิ่งลำบากมากขึ้น”
ลั่วหยุนขมวดคิ้วและพูดขึ้น “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่วิธีนี้จะมีข้อเสียที่สำคัญมาก ประการแรกถ้าวิญญาณปีศาจออกมามันจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วและเราอาจจะปกป้องเหล่าหญิงสาวของหุบเขาบุปผาอนันต์ได้ไม่ทั่วถึง ประการที่สองเมืองหยูหลันในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจากสำนักใหญ่ และเมื่อไหร่ที่เราจัดการกับวิญญาณปีศาจลงได้แล้ว และเมื่อมันเหลือแต่พลังวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าเกรงว่าผู้คนทั้งหลายคงจะต้องอดในไม่ไหวและเริ่มต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงมัน ซึ่งผู้คนเหล่านั้นบางคนก็มีระดับพลังที่ไม่ธรรมดาแถมยังพกพาสมบัติวิเศษที่ทรงอำนาจมาอีกต่างหาก หากพวกเขาต่อสู้กันมันจะต้องเกิดความเสียหายต่อผู้คนที่อยู่ในเมืองอย่างใหญ่หลวงอย่างแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ที่นี่มันคือพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของเจ้า ฉะนั้นเจ้าก็รับหน้าที่ปกป้องคนของเจ้าไป ส่วนเหล่าผู้หญิงที่มาจากหุบเขาบุปผาอนันต์นั้นข้าจะปกป้องพวกนางเอง”
ลั่วหยุนพูดด้วยรอยยิ้มที่บูดเบี้ยว “ตอนนี้ข้าเหลือดวงจิตเพียงเท่านั้น ถ้าข้าต้องเข้าร่วมในการต่อสู้ข้าคงจะต้องสูญเสียพลังไปมากแน่นอน ดังนั้นในเมื่อท่านสามารถเปิดใช้งานมหาค่ายกลของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของข้าได้ ข้าจะปล่อยให้ท่านใช้มัน ข้าคิดว่าท่านคงสามารถปลดปล่อยอำนาจที่น่ากลัวของมันได้อย่างแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไม่ล่ะ ข้าจะทำในสิ่งที่ต้องทำเท่านั้น ว่าแต่เจ้าปลดผนึกของเจ้าหญิงภูติให้ข้าแล้วรึยัง?”
“ก่อนหน้านี้ข้ากำลังวุ่น ๆ เตรียมการเรื่องวิญญาณปีศาจอยู่ ข้าก็เลยยังไม่ได้ปลดผนึกนางให้ท่าน แต่ถ้าหากท่านต้องการนางเมื่อไหร่ท่านก็บอกข้าได้เลย ข้าจะได้ปลดผนึกและส่งตัวนางให้ท่าน!” ลั่วหยุนรู้สึกขัดแย้งกันอย่างมาก
ครั้งแรกที่เขาได้พบกับหลิงตู้ฉิง เขาเห็นอยู่เต็มสองตาว่าหลิงตู้ฉิงได้ทำมุทราของปรมาจารย์ให้เขาได้เห็น
แต่แล้วทำไมตอนนี้ที่เขาต้องการจะมอบอำนาจการควบคุมมหาค่ายกลให้ หลิงตู้ฉิงกลับปฏิเสธมันซะอย่างนั้นกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)