เมื่อลูบไล้มันจนพอใจ หลิงว่านจุนจึงเก็บธงรบโลหิตจักรพรรดิไว้ในแหวนมิติของเขา และคุยกับหลิงตู้ฉิงต่ออีกสักพัก จากนั้นเขาจึงกลับไปที่เรือนของตัวเองเพื่อศึกษาธงรบโลหิตจักรพรรดิต่อ
เมื่อหลิงว่านจุนจากไป หลังจากนั้นไม่นานหลิงยู่ชานก็เข้ามาพร้อมกับหมิงจู้ภรรยาของเขาเพื่อแสดงความเคารพต่อหลิงตู้ฉิง
แม้ว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันมาหลายสิบปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่มีบุตรเลยสักคน
หลิงตู้ฉิงมองประเมินหลิงยู่ชานสักพัก ก่อนที่จะยิ้มด้วยความพึงพอใจและพูดว่า “อืม ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวแล้วสินะ”
หลิงยู่ชานยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวมาตั้งนานแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม ก่อนหน้านี้พ่อก็กังวลอยู่ว่าเจ้าจะเร่งรีบเกินไปและมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มระดับการบ่มเพาะแทนที่จะตั้งใจฝึกฝนเจตจำนงแห่งหมัด แต่เมื่อดูจากเจ้าตอนนี้แล้วุพ่อพอใจกับเจ้ามากจริง ๆ”
หลังจากผ่านไปหลายสิบปีระดับการบ่มเพาะของหลิงยู่ชาน ในตอนนี้ยังอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 9 ซึ่งมันทำให้เขาเป็นคนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำที่สุดในตระกูลหลิง แต่หลิงตู้ฉิงค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่เขาเห็นตอนนี้มาก
“พลังสายเลือดของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากแล้วในตอนนี้” หลิงตู้ฉิงพูดต่อ “เส้นทางของเจ้าไม่ควรมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มระดับการบ่มเพาะมากเกินไป เมื่อเจตจำนงและแก่นแท้หมัดของเจ้าได้บรรลุไปจนถึงระดับหนึ่งแล้วระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นตามมาเอง เอาล่ะดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าได้พบกับเส้นทางของตัวเองแล้ว พ่อมั่นใจว่าเจ้าคงเข้าใจดีว่าในอนาคตเจ้าต้องทำยังไงต่อ”
หลิงยู่ชานพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อก็พูดชมข้าเกินไป ข้าเชื่อว่าในอนาคตข้าเองก็ยังคงจะต้องมีข้อสงสัยบางอย่างอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงข้าก็ยังคงอยากจะให้ท่านพ่อดูแลข้าในอนาคตต่อไปอีก”
“ฮ่า พ่อต้องดูแลเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าเป็นลูกชายคนโตที่แสนดีของพ่อเชียวนะ!” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างมีความสุข “หมิงจู้ เจ้าเองก็ไม่เลวเช่นกัน ระดับการบ่มเพาะของเจ้าตอนนี้ได้ไปถึงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 12 แล้ว แต่ว่าดวงจิตที่แท้จริงของเจ้ายังอ่อนแออยู่ ข้าจะให้ผลึกวิญญาณ 2 อันกับเจ้าเพื่อให้เจ้าใช้พวกมันในการเสริมคามแข็งแกร่งให้กับดวงจิตของเจ้า:
“นอกจากนี้เดี๋ยวเมื่อข้าว่างเมื่อไหร่ข้าจะสร้างอาวุธวิเศษใหม่ให้สำหรับเจ้า นอกเหนือจากนั้นข้าจะถ่ายทอดทักษะการเคลื่อนไหว ‘ร่างเงาสัตตะเมฆา’ ให้และเมื่อเจ้าใช้มันร่วมกับเพลงกระบี่ดรุณีจันทราของเจ้า อำนาจการทำลายล้างมันจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมิงจู้จึงรีบพูดทันที “ขอบคุณ ท่านพ่อ!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่หลิงยู่ชานอีกรอบและพูดว่า “ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งมันทำให้พ่อไม่สามารถหาของที่เหมาะกับเจ้าจากในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ แต่ว่าเจ้าไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าอันที่จริงแล้ว สิ่งของที่เหมาะกับเจ้ามากที่สุดนั้นสามารถพบได้ในโลกภายนอก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่พ่อจะช่วยเจ้าหามันมาให้เอง”
“ขอบคุณ ท่านพ่อ” หลิงยู่ชานหัวเราะ
“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับมาหลังสุดและยังไม่ได้ไปทักทายกับคนอื่น ๆ เลย พวกเจ้าจงไปพบกับพวกเขาก่อน แล้วเมื่อพ่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่พ่อจะชี้แนะอะไรบางอย่างให้พวกเจ้าเพิ่มเติมก็แล้วกัน” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
หลิงยู่ชานและหมิงจู้พยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็พากันไปแสดงความเคารพต่อเย่ชิงเฉิง แน่นอนว่าหลังจากได้พบกับเย่ชิงเฉิงแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะพบกับหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ได้ แม้ว่าหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์จะเป็นเพียงภาพร่างของเศษเสี้ยวเจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ แต่หลิงตู้ฉิงก็ปฏิบัติต่อนางในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของเขา ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม นางเองที่มีข้อจำกัดคือสามารถอยู่บนยันต์สั่งสวรรค์ได้เพียงเท่านั้นแม้ว่านางจะมีความสุข แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้มาก
ครึ่งเดือนต่อมา ทุกคนต่างก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์สราญรมย์เพื่อเข้าฟังการบรรยายโดยหลิงตู้ฉิง
ในลาน หลิงฉุยฟงได้นำเหล่าทหารของเขากว่า 750 คนยืนตั้งแถวนิ่งอย่างเป็นระเบียบ
แน่นอนว่ากองทัพนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจาก กองทัพลับไร้นามของหลิงตู้ฉิง ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 50 ปีระดับการบ่มเพาะส่วนใหญ่ของพวกเขาได้มาถึงขอบเขตนภาแล้ว มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา
นอกจากนี้ หลิงว่านจุนยังนำเหล่าทหารของเขากว่า 190 นายมาตั้งแถวยืนรอฟังการบรรยายอยู่ข้าง ๆ ทัพของหลิงฉุยฟงเช่นกัน ซึ่งทั้งสองกองทัพต่างยืนนิ่งตัวตรงไม่ไหวติงราวกับว่าพวกเขากำลังแข่งขันว่าใครจะเป็นทหารชั้นยอดเหนือกว่ากัน
หลังจากนั้นไม่นาน คนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งก็ได้มาถึง ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็คือเหล่านักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)