เมื่อหลิงว่านถิงและเหลียงเฟ่ยเอ๋อพร้อมแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงพาทั้งสองขึ้นรถม้า ซึ่งคนอื่น ๆ ได้ขึ้นไปรออยู่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นเมื่อทุกคนขึ้นรถม้ากันครบหมด กงหนิวก็ลากรถม้าบินไปที่เกาะไท่อี้ทันที
ระดับการบ่มเพาะของกงหนิวในตอนนี้ได้มาถึงขอบเขตนภาระดับ 10 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เขาจะสามารถบรรลุและไม่อาจจะไปได้ไกลเกินกว่านี้ เนื่องจากในอดีตเขาได้ใช้ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 10 ในการทะลวงขึ้นไปยังขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งอันที่จริงหากเขาไม่ได้มาเจอกับหลิงตู้ฉิง เขาคงจะไม่มีวันทะลวงขึ้นมาถึงขอบเขตนภาได้ด้วยซ้ำ ตามปกติแล้วศักยภาพของเขานั้นคงเป็นได้แค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราไปชั่วชีวิต
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตนภาระดับ 10 แต่ความเร็วในการลากรถม้าของเขาก็ยังเร็วกว่าความเร็วในการบินของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั่วไปอยู่ดี
ในเวลานี้การต่อสู้ในแนวหน้ากำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็งัดกลยุทธ์ทั้งหลายขึ้นมาห้ำหั่นกันจนในตอนนี้ก็ยากที่จะระบุได้ว่าฝ่ายใดแข็งแกร่งกว่า
โดยเฉพาะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่กองทัพมังกรของหลิงว่านจุน และผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญกว่าร้อยคนที่หลิงยี่เทียนส่งมาได้มาถึง ซึ่งส่งผลให้กองกำลังของอาณาจักรหลงซานที่มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากกว่า 400 คน และมีทหารประจำการในกองทัพกว่าล้านคนต้องหยุดชะงักการรุกราน
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทางด้านของอาณาจักรหลงซานงุนงงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามาถึงเกาะไท่อี้และได้พบกับกองทัพทั้งสองที่ผู้คนต่างร่ำลือกัน ซึ่งมันทำให้พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่าชื่อเสียงกองทัพที่พวกเขาได้ยินมานานนั้นเป็นของจริง
ตัวอย่างเช่น การปรากฎตัวของกองทัพมังกรนั้นเหมือนกับที่ผู้คนร่ำลือกันไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เมื่อเข้าสู่สนามรบมันจะกลายร่างเป็นมังกรขนาดใหญ่จำนวนมากพุ่งเข้าถล่มกองทัพของพวกเขา
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่านี่เป็นค่ายกลรบรูปแบบหนึ่ง แต่ผู้คนทางฝั่งอาณาจักรหลงซานก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดี ถึงขนาดที่มีใครบางคนในกองทัพของอาณาจักรหลงซาน อุทานขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “นี่พวกมันใช้วิชาลับของเผ่ามังกรของเรารึเปล่า?”
แม้ว่าผู้ที่พูดจะมีรูปร่างดูเหมือนมนุษย์ แต่บนศีรษะของเขากลับมีเขายาว 3 นิ้วสองเขาอยู่บนศีรษะ ซึ่งเขาซ่อนมันไว้ในเส้นผมของเขาทำให้มันดูไม่โดดเด่น
บุคคลผู้นี้เป็นผู้บัญชาการที่มาจากอาณาจักรมังกรทะยาน เขามีนามว่า หลงเฉิน และเขายังเป็นผู้นำของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญกว่า 300 คน ที่นำมาจากอาณาจักรมังกรทะยาน
การศึกครั้งนี้ แม้ว่าเหยียนฮ่าวหัวจะเป็นผู้นำ แต่เขาก็มีอำนาจสั่งการแค่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ 100 กว่าคน และทหารประจำการของอาณาจักรหลงซานเท่านั้น ส่วนอำนาจการสั่งการผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอีกกว่า 300 คน ของอาณาจักรมังกรทะยานนั้นยังเป็นของหลงเฉิน ซึ่งเป็นคนของอาณาจักรมังกรทะยานแต่เพียงผู้เดียว
สำหรับจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหลงซาน หยูเจิ้งหมิง นั้นไม่ได้มาเข้าร่วมกับการรบครั้งนี้ด้วย เนื่องจากด้วยความมั่นใจในกองทัพที่ส่งออกมานั้นมีจำนวนนับล้าน บวกกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งของอาณาจักรเขาเองและอาณาจักรมังกรทะยานจำนวนมากกว่า 300 คน เขาจะลำบากดั้นด้นมาดูการรบที่ทราบผลแพ้ชนะอยู่แล้วทำไม?
ด้วยจำนวนขนาดนี้ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าอาณาจักรจันทราจะต้องถูกกวาดล้างแน่นอน
ส่วนความลับของทะเลชางหมางนั้น หยูเจิ้งหมิงไม่ได้เป็นห่วงมันเลยแม้แต่น้อย เพราะหลงเฉินเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเขา และทั้งคู่มาจากภูเขาเอ้อหลงเหมือนกัน หากหลงเฉินค้นพบความลับใด ๆ มันก็ไม่ต่างอะไรกับเขาหาเจอเองเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญข้าง ๆ หลงเฉินถามขึ้น “พี่หลง มันจะเป็นไปได้ไหมที่คนพวกนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรของเรา?”
หลงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขาเองก็รู้สึกว่าแนวคิดนี้นั้นมีความเป็นไปได้อยู่ หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็พูดกับเหยียนฮ่าวหัวว่า “แม่ทัพเหยียน พวกเราต้องจับเป็นพวกเขามาก่อนเพื่อเค้นความลับของวิชาที่พวกเขาใช้”
เหยียนฮ่าวหัวถอนหายใจ “แต่ถ้าเราปล่อยให้พวกเขาเข่นฆ่าทหารของเราแบบนี้ต่อไป ข้าเกรงว่าความสูญเสียของฝั่งเรามันจะมากเกินไปนะสิ”
หลงเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยเมย “มีผู้คนมากมายในทะเลชางหมางนี้ ต่อให้เราจะสูญเสียทหารไปมากมายสักเท่าไหร่หลังจบศึกเราก็แค่เกณฑ์ผู้คนมาฝึกเป็นทหารเติมเต็มส่วนที่เสียไปแค่นี้ก็แก้ปัญหาได้แล้ว ที่เราต้องให้ความสำคัญที่สุดก็คือการได้รับวิชาลับของพวกเขามาแค่นั้นก็พอ”
เหยียนฮ่าวหัวพยักหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)