เมื่อได้รับรายงานของจูหยงเฉียน จักรพรรดิแห่งอาณาจักรอี้จิ๋น สีจิ้งหมิงก็มีปฏิกิริยาทันที
“นี่พวกเขาออกมาจากทะเลชางหมางได้เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?” สีจิ้งหมิงขมวดคิ้วพลางพึมพำกับตัวเอง
ในฐานะอาณาจักรที่เฝ้าทางออกของทะเลชางหมาง พวกเขาย่อมรู้สถานการณ์ภายในทะเลชางหมาง
“ว่าแต่อาณาจักรจันทราและอาณาจักรหลงซานตอนนี้กำลังรบกันอยู่ไม่ใช่เหรอไง? ทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงได้ออกมาแล้วได้กัน?” สีจิ้งหมิงสับสน
สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือไม่กี่วันที่ผ่านมาอาณาจักรหลงซานนั้นได้ถูกลบหายออกไปแล้ว
ข่าวการล่มสลายของอาณาจักรหลงซานนั้นแม้แต่ในทะเลชางหมางก็ยังกระจายไปไม่ทั่วถึงด้วยซ้ำในตอนนี้ ดังนั้นมันจึงไม่แปลกอะไรที่สีจิ้งหมิงที่อยู่ด้านนอกจะยังคงไม่ได้ข่าว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สีจิ้งหมิงจึงเดาไม่ออกถึงความตั้งใจของหลิงตู้ฉิง
สีจิ้งหมิงเคาะนิ้วเบา ๆ บนโต๊ะ ขณะที่เขาครุ่นคิด
จากนั้นสักพัก สีเป่ยเซียะก็ได้เดินเข้ามาหาและถามว่า “ข้าได้ยินมาว่าหลิงตู้ฉิงนำกองทัพของเขามาอยู่ที่หน้าประตูเมืองเจินไห่?”
สีจิ้งหมิงพูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ท่านพี่ ท่านมาก็ดีแล้ว ตอนนี้ข้ากำลังตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าจะเอายังไงดีกับเรื่องนี้ ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าหลิงตู้ฉิงต้องการเชิญข้าให้ไปพบกับเขา ซึ่งข้าเองไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาต้องการอะไรหรือมีแผนอะไรซ่อนอยู่?”
“ไม่ว่ามันจะหมายถึงอะไร ข้าคิดว่าเราควรจะไปพบกับเขาดู!” สีเป่ยเซียะแนะนำ
“ถ้าเขาต้องการโจมตีเมืองจริง ๆ ป่านนี้เขาคงยึดเมืองไปได้เรียบร้อยแล้ว แต่นี่เขากลับรอเราอยู่ที่นอกเมืองเพื่อให้เราไปหา ดังนั้นข้าคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเราไปพบกับเขาสักหน่อยเพื่อเข้าใจเจตนาของเขา”
“อย่างน้อย ๆ ในอดีตที่เราเจอกับเขา คนผู้นี้ก็ดูเป็นคนที่ทำตามกฎทุกอย่างแบบยุติธรรม ข้าคิดว่ามันน่าจะไม่มีปัญหาอะไรหากเราไปคุยกับเขาดี ๆ”
สีจิ้งหมิงมองไปที่สีเป่ยเซียะและหยอกล้อ “ท่านพี่ ท่านนี่พูดถึงแต่สิ่งดี ๆ มากมายของเขา อย่าบอกนะว่าพี่ของข้าสนใจเขาเข้าให้แล้ว ใช่ไหม?”
สีเป่ยเซียะจ้องไปที่สีจิ้งหมิง และพูดว่า “เจ้าอย่าพูดอะไรเพ้อเจ้อ ที่ข้าแนะนำให้ไปพบเขาก่อนเพราะข้ามีความกังวลสองเรื่อง”
“ความกังวลเรื่องแรกคือบุคคลผู้นี้ลึกลับอย่างยิ่ง วิธีการและความสามารถของเขาไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเราจำเป็นต้องเข้าใจเขาให้ดี ความกังวลเรื่องที่สองคือตอนนี้เขาเป็นสามีของเย่ชิงเฉิง ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นเขยของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ด้วยวิธีการและความสามารถของเขารวมไปถึงทรัพยากรที่เขาจะได้จากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต แน่นอนว่ามันจะส่งผลให้เขากลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดังนั้นมันจะดีที่สุดถ้าเราไม่กลายเป็นศัตรูกับเขา!”
สีจิ้งหมิงพยักหน้าเล็กน้อย และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปดูว่าเขาต้องการทำอะไร”
“ข้าไปด้วย!” สีเป่ยเซียะพูด “เขายังคงเป็นหนี้บุญคุณข้าอยู่ ถ้าจำเป็นข้าจะใช้เรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรอง!”
“หืม?” สีจิ้งหมิงมองไปที่สีเป่ยเซียะด้วยสายตางุนงง
“ข้าให้หยดน้ำวิญญาณบริสุทธิ์แก่เขาไปหนึ่งขวดก็แค่นั้น!” สีเป่ยเซียะอธิบาย
หลังจากนั้นสองพี่น้องก็รวบรวมคนของพวกเขา และมุ่งหน้าไปยังเมืองเจินไห่
ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและคนของเขาที่รออยู่ที่ด้านนอกเมืองเจินไห่มาได้สักพักแล้ว แทนที่พวกเขาจะได้พบหน้าสีจิ้งหมิงที่พวกเขารอคอย แต่คนแรกที่เขาได้พบกลับเป็นลั่วหยุนที่มาถึงก่อน
แม้ว่าลั่วหยุนจะอยู่ทางตอนเหนือของอาณาเขตนภา แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาที่อยู่ในขอบเขตราชัน ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะเหลือเพียงแค่ดวงวิญญาณแต่ความเร็วของเขานั้นมันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะเทียบได้
ลั่วหยุนในตอนนี้ที่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าหลิงตู้ฉิงแล้ว เขายิ้มให้และพูดว่า “ทำไมพวกท่านออกมาเร็วขนาดนี้”
เสี่ยวเยว่เฟิง เมื่อเห็นลั่วหยุน นางรีบประสานมือคารวะทันที “คารวะผู้อาวุโสลั่ว!”
หลิงตู้ฉิงเองก็พยักหน้า และพูดกับลั่วหยุน “เข้าไปพูดคุยกันข้างในก่อนเถอะ”
เมื่อได้รับคำเชิญ ลั่วหยุนก็พยักหน้าและเดินตามหลิงตู้ฉิงกับเสี่ยวเยว่เฟิงเข้าไปในรถม้าทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)