การปรากฏตัวของโม่เอ๋อทำให้สีหน้าของฉีหู่ และผู้อาวุโสระดับนักบุญมืดลงทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขาเดาได้ทันทีว่าคนที่อยู่ในรถม้าจะต้องไม่ธรรมดา เนื่องจากทั้งคนขับรถม้า ทั้งสาวใช้ที่ออกมาจากในรถม้าต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญขึ้นไปทั้งนั้น
โดยเฉพาะระดับการบ่มเพาะของสาวใช้ที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นอยู่ถึงระดับเหนือล้ำเลยด้วยซ้ำ (ขอบเขตสวรรค์ระดับ3)
ใครกันที่เป็นเจ้าของรถม้า?
ความตั้งใจของพวกเขานั้นมีเพียงแค่จับมือร่วมกับสำนักอื่น ๆ เพื่อปล้นยึดอารามนวดาราที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ แต่ตอนนี้กลับต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง จิตใจของพวกเขาจึงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ต่อให้เสี่ยวเยว่เฟิงจะย้ำแล้วว่าพวกนางไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอารามนวดารา แต่พวกเขาเองจะมั่นใจในคำพูดของนางได้ยังไง?
แม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดที่อยากจะต่อต้านอยู่ในใจ แต่ฉีหู่และผู้อาวุโสของเขาก็ไม่กล้าที่จะหยุดพวกของหลิงตู้ฉิง เพราะพวกเขากลัวว่าสถานะของคนในรถม้าจะไม่ธรรมดาและกลายเป็นล่วงเกินตัวตนที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้
สำนักหมอกเมฆาของพวกเขาไม่ใช่สำนักที่แข็งแกร่งอะไรมากมาย ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่รอโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของอารามนวดาราตกตายลงก่อนถึงจะลงมือแบบนี้
ตอนนี้โม่เอ๋อได้แสดงท่าทีข่มขวัญแล้วพวกเขาก็ยิ่งระมัดระวังการกระทำของพวกเขามากขึ้น
ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวถอยออกไปโดยไม่เอ่ยอะไรต่อ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาจากไป ผู้อาวุโสผู้นั้นก็สั่งกับฉีหู่ทันที “แจ้งให้สำนักอื่นทราบโดยเร็วถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง ฉีหู่ก็รีบบินกลับไปแจ้งคนอื่น ๆ ทันที ซึ่งมันทำให้คนของสำนักอื่น ๆ โกรธกันเป็นอย่างมาก จากนั้นพวกเขาก็รีบเรียกประชุมกันอย่างลับ ๆ ทันที
ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและคนของเขาได้ผ่านแนวป้องกันของสำนักอื่น ๆ มาเรียบร้อยแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปยังอารามนวดารา
ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้อารามนวดารา ค่ายกลป้องกันสำนักของอารามนวดาราก็ถูกเปิดใช้งานทันที ซึ่งทำให้หลิงตู้ฉิงและคนของเขาต้องยืนรออยู่ด้านนอกไม่สามารถเข้าไปด้านในได้
“เจ้าเป็นใคร? มาที่สำนักของข้าทำไม?” ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญที่อยู่ด้านในตะโกนออกมาด้วยสีหน้าประหม่า
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงเดินออกมาจากรถและถามผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญผู้นั้นว่า “เจ้าสำนักของเจ้าคือใคร หรือใครเป็นผู้ดูแลอารามนวดาราตอนนี้?”
“เจ้าเป็นใครถึงมาถามอะไรแบบนี้? ไสหัวไปซะ!” ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญตะคอกกลับ
ถึงแม้ว่าเขาจะเบาใจลงที่เห็นว่าระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงอยู่เพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 แต่สถานการณ์ในตอนนี้ที่คนจากสี่สำนักใหญ่กำลังปิดล้อมพวกเขาอยู่ เขาจะเปิดค่ายกลง่าย ๆ เพื่อนำหลิงตู้ฉิงเข้ามาได้อย่างไร?
ในเวลาเดียวกัน มีชายผู้หนึ่งที่อยู่ด้านในค่ายกลป้องกันของสำนักอารามนวดารา กำลังยืนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ชายผู้นั้นคือ หวางหมิงหยวน
หวางหมิงหยวน คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่เมืองหยูหลันตอนที่วิญญาณปีศาจอาละวาด ซึ่งเขาไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้เลย
ภาพของเจ้าสำนักของเขาที่อยู่ในระดับนภาครามถูกวิญญาณปีศาจสังหารอย่างง่ายดายยังคงตราตรึงอยู่ในสมอง และในตอนนี้คนที่จัดการกับวิญญาณปีศาจที่น่ากลัวตนนั้นได้กับมาปรากฎที่หน้าทางเข้าสำนักของเขาซะงั้น?
เป็นไปได้ไหมว่าคนผู้นี้มาที่นี่เพราะต้องการชำระแค้นที่ในตอนนั้นสำนักของเขามีส่วนร่วมในการปลดปล่อยวิญญาณปีศาจ?
ถ้าแม้แต่วิญญาณปีศาจที่แข็งแกร่งขนาดนั้นยังถูกสยบ แล้วอารามนวดาราของพวกเขาจะเอาอะไรไปต่อต้าน?
เมื่อนึกได้เช่นนี้ สีหน้าของหวางหมิงหยวนก็ซีดลงทันที
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงที่ต้องการจะส่งคืนสมบัติวิเศษทั้งสองชิ้นให้กับอารามนวดารา แต่กลับได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นมิตรกลับมา เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่แยแสกับคนเหล่านี้โดยการโยนสมบัติวิเศษทั้งสองชิ้นลงไปที่พื้นหน้าค้ายกลป้องกันของสำนักอารามนวดาราแทนพร้อมกับพูดว่า “ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้าได้รับปากคนของสำนักเจ้าไว้คนหนึ่งให้ช่วยส่งสมบัติระดับเซียนทั้งสองชิ้นนี้ให้กับพวกเจ้า แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่เต็มใจที่จะต้อนรับข้า งั้นข้าจะโยนมันทิ้งไว้แบบนี้ก็แล้วกัน จากนั้นพวกเจ้าจะทำยังไงกับพวกมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าอีกต่อไป!”
เมื่อโยนของเสร็จและพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หันหลังเดินกลับไปที่รถม้าทันที
“เอ๋…นั่นมัน! นั่นมันคือสมบัติระดับเซียนของผู้อาวุโสจิว!” บรรดาศิษย์ของอารามนวดาราจำสมบัติที่ถูกโยนลงทิ้งไว้ที่พื้นได้ทันที
“ผู้อาวุโสจิว? ผู้อาวุโสจิวยังไม่ตายงั้นเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)