ในระหว่างที่พวกเขาสนทนากันไปเรื่อย ๆ ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็เดินมาถึงหอการค้าเชื่อมสวรรค์
หอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเมืองวิญญาณโลหิตตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองอย่างพอดิบพอดี สถาปัตยกรรมของมันนั้นเป็นอาคารสูงกว่าร้อยเมตรตั้งตระหง่านอยู่กึ่งกลางจัตุรัสของเมือง ซึ่งมันยิ่งใหญ่อลังการกว่าหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเมืองหยูหลันอยู่หลายเท่า
หลังจากเข้าไปในหอการค้าเชื่อมสวรรค์แล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับหนึ่งในคนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ “ข้าต้องการพบผู้ดูแลของเจ้า ข้ามีเรื่องสำคัญมากที่จะต้องพูดคุยกับเขา”
“ไม่ทราบว่าท่านมีเรื่องสงสัยใด ถึงต้องการจะพบผู้ดูแลของเรา?” คนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ถามกลับ
มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปตามผู้ดูแลของเขาให้มาพบกับคนธรรมดาทั่วไปหากไม่มีเหตุอันควร ดังนั้นเขาจึงต้องสอบถามรายละเอียดเสียก่อนจากนั้นค่อยประเมินว่าผู้ที่มาขอพบกับผู้ดูแลของเขานั้นมีเหตุผลพอที่จะให้เขาไปสอบถามกับผู้ดูแลของเขาไหม
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ข้าต้องการขายโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์หนึ่งเม็ด และข้าก็ยังต้องการซื้ออะไรบางอย่างจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเจ้าด้วย”
เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงต้องการขายโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ คนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ผู้นั้นก็รีบพูดขึ้นทันที “แขกผู้มีเกียรติกรุณารอสักครู่ ข้าจะรีบไปแจ้งผู้ดูแลทันที”
แน่นอนว่าการขายแค่โอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์เพียงเม็ดเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะมีสิทธิ์เข้าพบกับผู้ดูแล
ตงฟางจุน ซึ่งได้ยินอยู่ข้างหลังเกิดความรู้สึกขัดแย้งและพูดทันที “พี่ชาย นี่ท่านมีโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัวทำไมถึงไม่บอกข้าสักหน่อยเล่า! ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถจ่ายให้ท่านในราคาที่เหมาะสมแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าเหลือมันเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น!”
“พี่ชายโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์นี้…” ตงฟางจุนพูดอย่างไม่เต็มใจ
“จุ๊ ๆๆ มีคนต้องการชิงโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ไปจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของข้างั้นเหรอ?” เสียงหนึ่งดังลอยขึ้นพร้อมกับกลิ่นหอมอันเย้ายวนใจ จากนั้นหญิงสาวในชุดสีแดงก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนด้วยรอยยิ้ม
เมื่อมองไปที่หญิงสาวในชุดสีแดง ตงฟางจุนก็รีบโค้งคำนับและพูดว่า “มิกล้า ๆ ผู้น้อยขอคารวะผู้อาวุโส! สำนักกระบี่วิญญาณไม่กล้าตัดหน้าการค้าของท่านผู้อาวุโสหรอก เพียงแต่ผู้น้อยคุ้นเคยกับพี่ชายของข้าเป็นอย่างดี ดังนั้นข้าเลย…ข้าเลยแค่ล้อเล่นกับพี่ชายของข้าเท่านั้นเอง”
หญิงสาวชุดแดงพยักหน้าและหัวเราะ “อ๋อ เจ้าเป็นคนจากสำนักกระบี่วิญญาณนี่เอง ข้าเองก็มีน้องสาวคนหนึ่งที่แต่งงานกับคนของสำนักกระบี่วิญญาณของเจ้า! อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าข้าจะมีสัมพันธ์อันดีกับสำนักของเจ้า แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถตัดหน้าการค้าของข้าในถิ่นของข้าได้ เว้นแต่แขกผู้มีเกียรติท่านนี้จะเปลี่ยนใจคืนคำไม่ยอมแลกเปลี่ยนกับข้าเอง จากนั้นมันถึงจะเป็นตาของเจ้า เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม?”
ตงฟางจุนยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ว่าหญิงสาวชุดแดงคนนี้เป็นใคร เขาจึงไม่กล้าเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก เขามองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยหางตาเพื่อส่งสัญญาณให้ช่วยพูดแทนเขาที
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างจนใจและพูดกับหญิงสาวชุดแดงว่า “ข้ามาที่นี่เพราะต้องการคุยอะไรบางอย่างกับเจ้าตามลำพัง”
ในขณะที่พูด หลิงตู้ฉิงหันหลังบังตงฟางจุน จากนั้นเขาทำ ‘มุทรา’ เหมือนกับในตอนที่เขาเจอกับลั่วหยุนครั้งแรก
หญิงสาวชุดแดง เมื่อเห็น ‘มุทรา’ ที่หลิงตู้ฉิงแสดงขึ้น นางก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นนางพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “แขกผู้มีเกียรติ โปรดเชิญเข้าไปด้านในก่อน!”
โม่เอ๋อมองไปที่หญิงสาวชุดแดง ซึ่งนางไม่สามารถมองเห็นระดับการบ่มเพาะได้อย่างชัดเจน นางจึงไม่แน่ใจว่านางควรตามหลิงตู้ฉิงเข้าไปหรือไม่?
“โม่เอ๋อตามข้ามา!” หลิงตู้ฉิงเรียกขึ้น
เมื่อได้ยินคำสั่ง โม่เอ๋อยิ้มทันที และรีบเดินตามหลิงตู้ฉิงเข้าไปด้านใน ส่วนตงฟางจุนที่ไม่ถูกเรียกเข้าไปด้วยก้ได้แต่มองตามหลังหลิงตู้ฉิง และโม่เอ๋อด้วยสายตาผิดหวังพลางถอนหายใจ จากนั้นเขาก็พาคนรับใช้ของเขาเดินวนดูสินค้าต่าง ๆ ที่มีอยู่ในหอการค้าเชื่อมสวรรค์เพื่อฆ่าเวลา
หลังจากที่หญิงสาวชุดแดงนำหลิงตู้ฉิงและโม่เอ๋อเข้าไปด้านในแล้ว นางก็โค้งคำนับให้หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ตำหนักหอมรัญจวน หงเยว่ ขอคารวะ นายท่านแห่งตำหนักเทพโชคลาภ!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าต้องการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสำนักวิญญาณโลหิต ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้าที่อยู่ไม่ไกลจากสำนักวิญญาณโลหิต จะต้องรู้ข้อมูลของพวกเขาเป็นอย่างดีจริงไหม?”
หงเยว่ที่มาจากตำหนักหอมรัญจวน ดังนั้นนางจึงไม่สามารถระบุตัวตนของคนในตำหนักเทพโชคลาภได้ ดังนั้นนางจึงไม่เป็นเหมือนลั่วหยุนที่สามารถบอกได้ทันทีว่าหลิงตู้ฉิงเป็นเพียงผู้ที่แอบอ้างมาเท่านั้น
แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงเองก็ไม่อธิบายกับหงเยว่เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)