ในเวลาเดียวกับที่เสี่ยหนานเทียนและเสี่ยกังออกมาจากห้องคัมภีร์ พวกเขาก็ได้พบกับ กลุ่มของเย่ชางคงพอดี
“ขอคารวะท่านลุงเย่” เสี่ยหนานเทียนโค้งคำนับ
เย่ชางคงมองไปยังเสี่ยหนานเทียนด้วยสายตางุนงง จากนั้นเขามองไปที่เสี่ยกัง ซึ่งมันทำให้เขาได้คิดอะไรออกบางอย่างและเอ่ยขึ้นว่า “เอ่อ…พ่อของเจ้าคือใครกันนะ?”
เสี่ยหนานเทียนยิ้มและตอบกลับ “พ่อของข้าคือ เสี่ยหลี!”
“พ่อของเจ้านี่ช่างกล้าจริง ๆ ที่ปล่อยให้เจ้าออกมากับเสี่ยกังแบบนี้ ถ้าข้าไม่จำหน้าตาของเสี่ยกังได้ข้าคงเดาไม่ออกว่าเจ้าเป็นใครเลยจริง ๆ” เย่ชางคงส่ายหัวและพูดขึ้น
เย่เจียงไห่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านพ่อ ชายหนุ่มผู้นี้คือลูกชายของเจ้าสำนักเบญจธาตุงั้นเหรอ?”
“ข้าขอคารวะ พี่เย่!” เสี่ยหนานเทียนโค้งคำนับให้กับเย่เจียงไห่ “ข้ามาที่นี่กับบรรพบุรุษของสำนักข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ค่อยกังวลกับปัญหาอะไรเท่าไหร่นัก”
เย่เจียงไห่หัวเราะ “ดี ๆ เจ้านี่มีมารยาทมากกว่าน้องเขยของข้าเยอะเลย หากมีโอกาสในอนาคตข้าจะดูแลเจ้าเอง”
เสี่ยหนานเทียนหัวเราะ “ขอบคุณพี่เย่และลุงเย่มาก! แต่ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวไปสำรวจส่วนอื่น ๆ ของตำหนักหลีเทียนก่อน อ๋อ จริงสิ! เมื่อพวกท่านเข้าไปในห้องคัมภีร์แล้วพวกท่านสามารถอ่านคัมภีร์ที่อยู่ในนั้นได้ แต่จงอย่านำมันออกห่างจากชั้นวาง และจงอย่าอยู่ในนั้นเกิน 12 ชั่วยามเป็นอันขาด”
หลังจากพูดจบ เสี่ยหนานเทียนก็เดินจากไปตามหาหลิงตู้ฉิงทันที
ถึงแม้ว่าการแสดงออกของเขาจะดูสุภาพเป็นอย่างมาก แต่ภายในใจของเขานั้นกลับมีความคิดเป็นอย่างอื่น
สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแต่จะไม่เห็นคุณค่าของหลิงตู้ฉิง แล้วยังตำหนิอีกต่างหากงั้นเหรอ?
เย่แจียงไห่มองไปยังเสี่ยหนานเทียนที่กำลังเดินจากไป และพูดว่า “หากไอ้เจ้าน้องเขยจอมขี้งกของข้ามีมารยาทดีแบบนี้ก็คงจะดี ได้แต่งงานกับน้องสาวของข้าแท้ ๆ แต่แค่พริกหยกเพลิงเจ็ดสีเม็ดเดียวกลับทวงข้าทุกครั้งที่เจอหน้า เฮ้อ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริง ๆ”
เย่ชางคงพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริง ๆ! เป็นเจ้าเองแท้ ๆ ที่เอ่ยปากสัญญาเอาไว้ แต่เจ้ากลับยึกยักไม่ยอมทำตามที่พูดไว้สักทีและเจ้าลืมไปแล้วหรือยังไงว่าตัวข้าเองก็ถูกน้องเขยของเจ้าช่วยเอาไว้ แถมการที่แม่ของเจ้าสามารถทะลวงระดับการบ่มเพาะจนมาอยู่ที่ขอบเขตจักรพรรดิได้นั้นก็เป็นเพราะน้องเขยของเจ้าอีกเหมือนกัน ครอบครัวของเรานั้นติดค้างบุญคุณเขาถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังมีหน้ามาบ่นอีกงั้นเหรอ?”
เย่เจียงไห่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ารำคาญว่า “ท่านพ่อ ท่านก็พูดเกินไป มันก็แค่โอสถกำหนดเต๋าแค่นั้นเองไม่ใช่เหรอไงที่ท่านแม่ได้มา นี่ข้าเองก็ได้โอสถกำหนดเต๋ามาตั้งหลายสิบเม็ดจากในห้องหลอมโอสถ เดี๋ยวคอยดูนะหากข้าเจอเขาเมื่อไหร่ ข้าจะคืนโอสถกำหนดเต๋าให้เขาสัก 10 เม็ดซะเลยเป็นไง แต่ว่าตอนนี้ข้าว่าพวกเราเข้าไปที่ห้องคัมภีร์กันก่อนจะดีกว่าไหมท่านพ่อ!”
เมื่อพูดจบ เย่เจียงไห่ก็เดินเข้าไปในห้องคัมภีร์ทันที ซึ่งเย่ชางคงก็ได้แต่ส่ายหัวกับความคิดอ่านของลูกชายของเขา
“ทุกคนจงจำเอาไว้ พวกเราทุกคนมีเวลาแค่เพียง 12 ชั่วยามเท่านั้นในการอ่านคัมภีร์ที่อยู่ในห้องคัมภีร์!” เย่ชางคงตะโกนสั่งกับคนของเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เสี่ยหนานเทียนพูดมันหมายความว่าอะไร แต่เย่ชางคงก็ยังคงไม่ประมาทกับคำเตือนใด ๆ ที่ได้รับมา เนื่องจากในตอนนี้เขาได้เสียคนของเขาหลายคนไปกับตำหนักหลีเทียน ซึ่งในบรรดาคนที่เขาเสียไปก็รวมไปถึงผู้อาวุโสของสำนักด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะเสียใครไปอีกแล้วเพราะความประมาท
ในเวลาเดียวกันเมื่อเย่เจียงไห่เข้าไปในห้องคัมภีร์และเดินไปมองที่ชั้นวางคัมภีร์ที่มีอยู่มากมายด้วยความสับสน เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจนใจว่า “คัมภีร์เยอะแยะขนาดนี้ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหนเหมาะกับข้ากันล่ะเนี่ย?”
แต่แล้วเมื่อเย่เจียงไห่พูดจบจู่ ๆ ก็มีคัมภีร์เล่มหนึ่งลอยเข้ามาหาเขาทันที
“หืม? อยู่ดี ๆ คัมภีร์นี่ก็ลอยมาหาข้าซะงั้น? ไหนดูสิมันคือคัมภีร์เพลิงหนานหมิงงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า ในเมื่อเจ้าลอยมาหาข้าเองแบบนี้งั้นข้าจะไว้หน้าเจ้าโดยการฝึกเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน!” เย่เจียงไห่หัวเราะ
จากนั้นเขาก็เริมฝึกวิชาเพลิงหนานหมิงทันที
ในเวลาเดียวกัน ในส่วนลึกของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนก็มีตัวตนหนึ่งที่มองไปยังเย่เจียงไห่ และคัมภีร์เพลิงหนานหมิงในมือเขาด้วยสีหน้าซับซ้อน
จากนั้นตัวตนนั้นก็ส่ายหัวและหันไปมองหลิงตู้ฉิง และขมวดคิ้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้กำลังนำคนของเขาเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องถัดไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)