บรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนเมื่อได้เห็นภาพนี้ต่างก็ล้มเลิกความคิดอกุศลของตัวเองและพากันหนีไปคนละทิศคนละทาง
ต้องรู้ไว้ว่าอสูรทั้งสามตนนั้นเป็นอสูรระดับสูงแถมยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์คุ้มกาย แต่ก็ยังถูกจัดการได้ง่าย ๆ
ดังนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรที่พวกเขายังรั้งอยู่ต่อถึงแม้จะมีจำนวนมากก็ตาม
ด้านในของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนในตอนนี้ เย่เจียงไห่มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาริษยาและความเสียดายจนสุดแสนจะบรรยาย
เนื่องจากในตอนแรกกิ่งไม้นี้มันเป็นของเขา แต่เขากลับขว้างทิ้งมันไปเอง!
“มันจบง่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะ?” มู่หลงหยานอึ้งจนทำตัวไม่ถูก
เย่เจียงไห่พูดขึ้นด้วยด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ ใบไม้ที่ติดอยู่บนกิ่งไม้นั่นมันคือโลกจำลองแถมยังมีอำนาจในการกักขังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก! ไม่ต้องพูดถึงไอ้อสูร 3 ตัวนั้นที่อยู่แค่ขอบเขตมหาจักรพรรดิหรอก ต่อให้พวกมันอยู่เหนือกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิพวกมันก็ไม่อาจต้านทานอะไรได้ เนื่องจากกิ่งไม้นี้ไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่มันคือสิ่งที่เหนือกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีก”
หลิงตู้ฉิงพูดเสริมขึ้น “ถึงแม้ว่ามันจะทรงพลัง แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถใช้งานมันได้ เอาล่ะจงเตรียมตัวจับพวกมันทีละตัว ข้าอยากกินเนื้อของมันแล้วตอนนี้”
“นี่เราจะกินอสูรพวกนั้นจริง ๆ งั้นเหรอ?” เสี่ยหนานเทียนกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าประหม่า “นี่มันจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่เลยเชียวนะ!”
ตัวตนของอสูรระดับสูงพวกนี้มันไม่ธรรมดา หากพวกเขากินพวกมันเข้าไปอสูรที่แข็งแกร่งกว่านี้จะต้องไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแน่ ๆ
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หากเจ้ากลัวมากนักก็ไม่ต้องกิน แต่อันที่จริงข้าเองก็ไม่ได้คิดจะฆ่าพวกมันหรอก ข้าแค่จะแบ่งร่างของพวกมันออกมาบางส่วนเอาไว้กิน ส่วนจะฆ่ามันหรือไม่นั่นข้าแล้วแต่พวกเจ้าจะจัดการ”
ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ยังคงไม่อาจฆ่าอสูรระดับสูงเหล่านี้ได้ ไม่เช่นนั้นเขาเองก็ต้องเผชิญกับปัญหาที่น่าปวดหัวตามมา
เย่เจียงไห่หัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องฆ่าพวกมันก็แล้วกัน แค่เอาบางส่วนของร่างพวกมันมากินเพื่อเป็นการลงโทษก็พอ จากนั้นก็ค่อยปล่อยพวกมันไป ด้วยวิธีการนี้พวกเราจะได้ไม่ต้องกลายเป็นศัตรูถาวรกับเผ่าอสูรพวกนี้ด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสี่ยหนานเทียนก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า “ถ้างั้นข้าจะปกปิดใบหน้าของตัวเองก็แล้วกัน แค่นี้พวกมันก็ไม่รู้แล้วว่าข้าเป็นใคร ว่าแต่พวกท่านจะไม่บอกกับคนอื่น ๆ ใช่ไหมว่าข้าได้กินพวกมันด้วย?”
“งั้นข้าเองก็จะปกปิดใบหน้าด้วยเหมือนกันป้องกันปัญหาที่จะตามมา!” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ
จากนั้นทุก ๆ คน ยกเว้นหลิงตู้ฉิงและเย่เจียงไห่ก็พากันปกปิดใบหน้าของตัวเอง เนื่องจากทุกคนต่างก็อยากลิ้มลองรสชาติของอสูรระดับสูงสักครั้ง
เมื่อทุกคนเตรียมพร้อมกันหมดแล้ว หลิงตู้ฉิงก็เรียกกิ่งไม้ออกมาอีกรอบ จากนั้นเขาก็พูดกับเย่เจียงไห่ว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการฆ่าพวกมัน งั้นก็ทำตามที่ข้าบอกก็แล้วกัน ตัดบางส่วนของร่างพวกมันออกมา จากนั้นก็โยนพวกมันออกไปจากตำหนักของเจ้าทีละตัว จงเตรียมพร้อม ข้าปล่อยพวกมันทีละตัวล่ะนะ!”
เย่เจียงไห่รีบพูดขึ้นแทรกทันที “น้องเขยเดี๋ยวก่อน! ข้าคิดว่าเรามาเริ่มจากช้างที่อยู่ในคุกก่อนจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นอำนาจของเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์คงไม่พอที่จะสยบอีก 3 ตัวที่อยู่ในใบไม้ของเจ้า”
“ช้างนั่นข้าต้องการสี่ข้าของมันและส่วนเนื้อสันใน” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น
เย่เจียงไห่พยักหน้า จากนั้นเขาก็โบกมือให้เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์นำตัวช้างร่างยักษ์มา จากนั้นเขาก็เริ่มลงมือตัดขาทั้งสี่ข้างของมันออกพร้อมกับเนื้อส่วนสันในชิ้นยักษ์ ซึ่งช้างอสูรก็ถึงกับแสดงอาการน้ำตาซึมด้วยความเจ็บปวด แต่มันก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ เนื่องจากมันถูกอำนาจของเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์บวกกับอำนาจของทั้งตำหนักตรึงร่างมันเอาไว้
เย่เจียงไห่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เนื่องจากเจ้าโจมตีตำหนักของข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยสี่ขาและเนื้อของเจ้า เอาล่ะตอนนี้ไสหัวไปได้แล้ว อย่าให้ข้าได้เจอหน้าเจ้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะถลกหนังเจ้าออกทั้งเป็น!”
เมื่อพูดจบ เย่เจียงไห่ก็โยนมันออกไปจากตำหนักพร้อมกับขวานศักดิ์สิทธิ์ทันที
อันที่จริงเขาเองก็อยากเก็บขวานศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เช่นกัน ถึงแม้เขาจะไม่มีความคิดที่จะใช้มันเอง แต่เขาก็อยากเก็บเอาไว้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเอาไว้ใช้ แต่มันติดอยู่ตรงที่เขาเองก็เพิ่งจะได้รับความทรงจำกลับ เขาจึงยังไม่พร้อมที่จะมีปัญหากับเหล่าอสูรมากไปกว่าเดิมในเวลานี้
ทางด้านของช้างอสูรที่ถูกโยนออกไปจากตำหนักนั้น เมื่อร่างมันกระแทกถึงพื้น มันก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดอย่างสุดแสน
แต่ไม่ว่าจะยังไงมันก็เป็นถึงอสูรระดับสูงที่อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิ ดังนั้นมันจึงรีบดูดพลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ มาสร้างขาทั้งสี่ที่มันเสียไปให้งอกขึ้นมาใหม่ทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)