พระราชวังอันใหญ่โตแห่งนี้ ซึ่งใหญ่โตกว่าพระราชวังใด ๆ ในโลกจะสามารถเทียบเคียงได้
ด้านในพระราชวังแห่งนี้แค่ดวงไฟบนคบเพลิงแต่เพียงดวงเดียวก็รุนแรงกว่าดวงเพลิงของเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์นับร้อยเท่า
และที่ด้านบนสูงสุดของยอดปราสาทของพระราชวังแห่งนี้นั้นมันมีดวงแสงสีทองอันเจิดจ้าส่องประกาย ซึ่งมันเป็นตัวแทนของความเชื่อที่สืบทอดกันมาว่าดวงแสงนี้คือดวงแสงที่มีไว้คอยชี้นำเหล่าเผ่ามนุษย์ทุกคน
ดวงแสงที่เปล่งประกายเจิดจ้านี้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ผู้ไหนที่ได้เห็นมันก็ล้วนแล้วแต่จะทำให้จิตใจของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยความสงบและความหวัง
ที่ด้านในท้องพระโรง ตัวตนหนึ่งซึ่งสวมชุดคลุมสีทองอร่ามนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุด เขานั่งหลับตาสงบนิ่งอยู่บนบัลลังก์นั้นราวกับว่าเขาเป็นรูปปั้นที่อยู่มาเนิ่นนานตั้งแต่บรรพกาล
แต่แล้วจู่ ๆ ดวงตาของตัวตนที่นั่งนิ่งอยู่บนบัลลังก์จู่ ๆ ก็ลืมตาเบิกโพลงขึ้นราวกับว่ามีบางสิ่งกระทบใจของเขาจนตื่นตัวสุดขีด
“เขากลับมาแล้ว!” ตัวตนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เอ่ยขึ้น “ส่งคำสั่งของข้าออกไป จงหาตัวเขาให้เร็วที่สุดหากมีความคืบหน้าอย่างไรให้แจ้งกลับมาที่ข้าในทันที!”
ณ อารามเต๋าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงจนไม่อาจเห็นได้ว่าภูเขาลูกนี้นั้นมีความสูงสักเพียงใด
บริเวณรอบ ๆ ของอารามเต๋าแห่งนี้นั้นไปด้วยสายลมกรรโชกรุนแรง ซึ่งการพัดผ่านของสายลมนี้แต่ละครั้งมันรุนแรงซะจนสามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดเช่น ซวนหยวนตายได้ในพริบตา
ไม่เพียงแต่จะมีแค่สายลมที่กรรโชกแรงเท่านั้น แต่บริเวณรอบ ๆ ยังมีพายุมิติที่ผันผวนรุนแรงโหมกระหน่ำไปมาอยู่เรื่อย ๆ
แต่ถึงแม้จะเผชิญกับทั้งสายลมที่กรรโชกแรงเหนือจินตนาการและพายุมิติที่ผันผวน อารามเต๋าแห่งนี้ก็ยังคงไม่ไหวติงกับสิ่งใด ๆ ไม่แม้กระทั่งต้นหญ้าสักต้นที่กำเนิดขึ้นบนกำแพงอารามจะสั่นไหวแม้แต่น้อย มันตั้งอยู่ในสถานที่แห่งนี้มานานแล้วกว่าล้านล้านปี
แต่แล้วหลังจากอารามเต๋าแห่งนี้ที่ไม่มีความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ประตูของอารามก็เปิดออกพร้อมกับมีบุรุษวัยกลางคนใส่ชุดนักพรตเต๋าสีเขียวผู้หนึ่งเดินออกมา
เมื่อบุรุษวัยกลางคนใส่ชุดนักพรตเต๋าสีเขียวปรากฏกายขึ้น พายุมิติที่เกิดขึ้นรอบ ๆ อารามเต๋าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย สายลมกรรโชกแรงก็กลายเป็นอ่อนกำลังลงจนเป็นเพียงแค่สายลมเย็นสบายที่แผ่วเบาพัดผ่าน
บุรุษวัยกลางคนใส่ชุดนักพรตเต๋าสีเขียว เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไอ้ปีศาจตนนั้นมันปรากฏตัวขึ้นแล้ว รีบตามหามันในทันที!”
ถึงแม้ว่าน้ำสียงของเขาที่เปล่งออกไปจะไม่ดังอะไรมากมายนัก แต่มันกลับทำให้บรรดานักพรตที่อยู่ในอารามทุกคนได้ยินกันอย่างชัดเจน
มากกว่า 200 ล้านกิโลเมตรห่างจากอารามเต๋า มันคือเทือกเขาที่เต็มไปด้วยภูเขาไฟที่กำลังปะทุ
แต่สิ่งที่น่าแปลกที่สุดของเปลวเพลิงที่ปะทุขึ้นออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟก็คือเปลวเพลิงเหล่านี้มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์ทั้งหมด
หากเย่เจียงไห่ได้มาเห็นภาพของสถานที่แห่งนี้เขาคงจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเปลวเพลิงสีขาวเหล่านี้มันคือจุดสูงสุดของแก่นแท้ในเส้นทางการบ่มเพาะที่เขาใฝ่ฝันหามาตลอด
หากเขาสามารถมาบ่มเพาะในสถานที่แห่งนี้ได้ เขาจะยิ่งสามารถบ่มเพาะได้เร็วกว่าเดิมขึ้นอีกนับพันเท่า
แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ไหนเขาก็ไม่อาจมาได้อยู่ดี
เนื่องจากเพลิงเหล่านี้มันคือเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาที่ไหนจะสามารถเข้ามาใกล้ได้ หากคนธรรมดาคนไหนกล้าที่จะย่างกรายเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ ร่างของคนผู้นั้นจะถูกเผาไหม้จนเหลือแต่เถ้าถ่านในทันที
แต่ ณ จุดศูนย์กลางของเพลิงที่ร้อนแรงที่สุด กลับมีนกฟีนิกซ์ร่างยักษ์จนไม่อาจอธิบายได้ว่าร่างกายของมันใหญ่โตถึงขนาดไหนนอนหลับอยู่อย่างสงบ
นกฟีนิกซ์ยักษ์ตัวนี้มีขนสีทองทั่วทั้งตัว ขนของมันแค่เพียงอันเดียวหากหล่นลงไปในมหาสมุทรมันก็สามารถทำให้น้ำทั้งหมดในมหาสมุทรระเหยแห้งไปได้เพียงชั่วพริบตาและถึงร้อนแรงจนถึงขนาดหลอมละลายโลกทั้งใบได้อย่างไม่ยากเย็น
ในเวลานี้ จู่ ๆ ฟีนิกซ์ยักษ์ก็ดีดตัวลุกขึ้น หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นางก็พึมพำกับตัวเอง “ไอ้สารเลวนั่นมันกลับมาแล้ว! ข้าคงต้องรีบไปที่ตำหนักไร้หทัย เพื่อดูว่าท่านบรรพบุรุษอยากจะให้ข้าช่วยเหลืออะไรบ้างไหม! จงฟังคำสั่งของข้า! พวกเจ้าจงออกไปควานหาตัวไอ้สารเลวนั่นให้เจอและจับตัวมันมาให้ข้า ข้าต้องการจะทุบตีมันให้หนำใจเพื่อระบายความโกรธของข้าให้หมด!”
“รับทราบ!” หลายเสียงตะโกนรับพร้อม ๆ กัน
จากนั้นฟีนิกซ์ร่างยักษ์ก็กลายร่างเป็นหญิงสาวหน้าตางดงาม ซึ่งสวมมงกุฎฟีนิกซ์และชุดคลุมฟีนิกซ์สีแดงเพลิงและพุ่งตัวไปถึงตำหนักไร้หทัยในช่วงเวลาเพียงพริบตา
ณ ที่หน้าตำหนักไร้หทัย กิเลนยักษ์ตัวหนึ่งกำลังนอนหลับปุ๋ยด้วยท่าทีสบายใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)