มี่ตั้วตั้วที่ได้ยินบทสนทนาทุกอย่างที่หลิงตู้ฉิงได้คุยกับบรรพบุรุษอสูรทมิฬสงคราม ซึ่งมันทำให้ในใจของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยถามอะไรออกไป หลังจากที่บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามจากไปแล้ว หลิงตู้ฉิงกลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “เมื่อชีวิตที่แล้วของข้า เพื่อการสร้างอาวุธของข้า ข้าหลอกเอาสมบัติประจำเผ่าและโอกาสในการสร้างวิถีเต๋าของเขามา ตอนนี้เขาจึงหมดโอกาสที่จะสร้างวิถีเต๋าของเขาเอง และเผ่าของเขาก็ไม่มีโอกาสส่งต่อมรดกให้กับชนรุ่นหลัง”
“และเป็นเพราะเหตุนั้นตาเฒ่านั่นจึงจำเป็นที่ต้องสละร่างกายที่แท้จริงของตนเองหลอมรวมเข้ากับเผ่าของเขาเพื่อค้ำจุนไม่ให้เผ่าของเขาสูญสลายไป ซึ่งมันส่งผลให้เขาไม่สามารถออกมาจากเผ่าของเขาเองได้อีกตลอดกาล”
“แต่มันก็ยังมีทางแก้ไขอยู่อีกหนึ่งทางก็คือเผ่าของเขาจะต้องฝ่าออกไปจากโลกนี้ให้ได้เพื่อหนีกฎที่พันธนาการพวกเขาไว้โดยใช้เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ของท่าน ดังนั้นนับจากนี้ไปท่านก็แค่ตั้งใจบ่มเพาะ ส่วนพวกเขาจะคอยจับตาดูท่านอย่างใกล้ชิดกว่าที่เคย ซึ่งมันจะทำให้ท่านปลอดภัยมากขึ้นด้วย”
มี่ตัวตั้วมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึง ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมบรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามถึงต้องการที่จะฆ่าหลิงตู้ฉิงมากขนาดนั้น และทำไมหลิงตู้ฉิงถึงไม่ตอบโต้อะไรเลย
หลิงตู้ฉิงหยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสองอันที่เหลืออยู่ส่งให้กับมี่ตั้วตั้ว และพูดว่า “ข้าจะฝากอาวุธศักดิ์สิทธิ์อันนี้เอาไว้กับท่านก่อน เมื่อตาเฒ่านั่นส่งอสูรเผ่าของเขามา ท่านก็จงมอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ไปให้กับอสูรของตาเฒ่านั่น”
“และอย่าได้คิดอิจฉาอะไรทั้งนั้น สิ่งนี้มันก็แค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังไม่สามารถใช้งานมันได้ ดังนั้นสิ่งนี้มันจะมีประโยชน์กว่าหากอยู่ในมือของผู้ที่คู่ควร อ๋อ และอีกอย่างฝากรบกวนท่านบอกกับตาเฒ่านั่นด้วยว่าข้าต้องการหยดเลือดของเขาสักหน่อย ข้าจำเป็นต้องใช้มัน”
แน่นอนว่าหยดเลือดของบรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามนี้ หลิงตู้ฉิงจะนำมันไปให้กับหลิงยู่ชานเพื่อให้หลิงยู่ชานแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
มี่ตั้วตั้วรับอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาและเก็บมันลงไปด้วยอาการตื่นเต้น จากนั้นเขามองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าซาบซึ้งและไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ท่านไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรข้าหรอก แค่ตั้งใจบ่มเพาะก็พอ”
มี่ตั้วตั้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรต่อและ พาโม่จู่ออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ไป
ส่วนทางด้านของหวงอี้เฟย แน่นอนว่าในตอนนี้เขายังคงต้องรั้งอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ต่อก่อนเพื่อศึกษาข้อมูลของเต๋าแห่งโอสถที่ได้รับการถ่ายทอดมา
หลิงตู้ฉิง ในเวลานี้จึงเหลืออาวุธศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียวอยู่กับตัว ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะใช้มันเพื่อเป็นแกนกลางของค่ายกลป้องกันให้กับสถาบันจันทรา
จากนั้น 1 ปีถัดมา ในที่สุดหมิงยู่ก็เดินทางมาถึงทะเลชางพร้อมกับหนิงฉิง
ในตอนนี้หลังจากที่หนิงฉิงได้ทำการใช้โอสถและของวิเศษต่าง ๆ ที่ได้มาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนครบทั้งหมด ระดับการบ่มเพาะของนางจึงพัฒนามาถึงระดับนภาครามขั้นสูงสุด ซึ่งเหลืออีกเพียงก้าวเดียวจะก้าวข้ามมาอยู่ที่ระดับสวรรค์สมบูรณ์
ส่วนทางด้านหมิงยู่ ในตอนนี้ร่างที่แท้จริงของนางได้บ่มเพาะไปถึงระดับสวรรค์สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
“นายท่าน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” หมิงยู่รีบถามขึ้นทันทีเมื่อมาถึง
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและตอบกลับ “ข้าสบายดีแล้วในตอนนี้ ว่าแต่พวกเจ้ามาหาข้าที่นี่มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
หมิงยู่หัวเราะ “ก็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สันเขาทรราชมันน่ากลัวออกขนาดนั้น ข้าก็ต้องเป็นห่วงท่านเป็นธรรมดา หลังจากที่ข้าสร้างร่างโลหิตอมตะได้อีกร่างสำเร็จ ข้าก็รีบพาหนิงฉิงมาดูท่านที่นี่ทันที ข้ารู้สึกโล่งใจจริง ๆ ที่ท่านไม่เป็นอะไร”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ในตอนที่อยู่ที่สันเขาทรราช ข้าต้องขอโทษเจ้าจริง ๆ ที่ทำให้เจ้าต้องเสียร่างโลหิตอมตะไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)