แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงต้องการเข้าไปในสุสานเทพกระบี่ เพราะเขาต้องการที่จะหาเบาะแสเพิ่มเติมว่าทาสกระบี่ของเขาถูกใครลอบทำร้าย
และอีกอย่างก็คือ ในเมื่อตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะเปิดเผยตัวตน ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ อีกที่เขาจะปล่อยให้ทาสกระบี่ที่ตายไปแล้วยังคงอยู่ในสภาวะอาฆาตอยู่แบบนี้
มู่หยุนชานเงียบไปสักพัก จากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ข้าเกรงว่าหากไม่ใช่ท่านลุงแล้วมันคงไม่มีใครในโลกอีกที่จะสามารถเข้าไปในสุสานได้จนถึงสุดปลายทาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอรบกวนท่านลุงช่วยสืบให้ทีว่าเป็นใครกันแน่ที่ทำร้ายพ่อของข้า”
อันที่จริงมู่หยุนชานเองก็อยากจะเข้าไปด้านในสุสานด้วยตัวเองเช่นกัน แต่เจตจำนงกระบี่ที่พ่อเขาทิ้งไว้ในสุสานนั้นมันไม่แยกแยะเลยว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู ไม่ว่าผู้ใดย่างกรายเข้าไป คนผู้นั้นจะต้องเผชิญกับเจตจำนงของเทพกระบี่ที่มีระดับการบ่มเพาะเท่ากับตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปเพราะถ้าพลาดขึ้นมาชะตากรรมของเขาก็คงจะจบสิ้นเหมือนคนอื่น ๆ ที่เคยเข้าไปแล้วเช่นกัน
ในความคิดของเขา คนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเข้าไปในสุสานได้ถึงชั้นในสุดนั้นมีเพียงคนเดียวก็คือ หลิงตู้ฉิง ซึ่งรู้วิชากระบี่ของพ่อเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ว่าแต่เด็กสาวที่ข้าให้ฝึกเพลิงหนานหมิงและไอ้เจ้าเด็กหนุ่มนั่นที่ฝึกกระบี่ด้วยตัวเองไปไหนแล้ว?”
มู่หยุนชานยิ้มและตอบกลับว่า “พวกเขาสบายดีและก้าวหน้าไปได้ไวมากเลยท่านลุง ตอนนี้เด็กสาวคนนั้น มู่เฉียนหยู่ ได้พบกับเส้นทางการบ่มเพาะของนางในอนาคตแล้วส่วน มู่เฉียนซ่ง ไอ้หนูน้อยนั่นก็เข้าใจเต๋ากระบี่มากขึ้นไปอีกระดับ อันที่จริงทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณท่านลุงจริง ๆ ที่ชี้แนะพวกเขาเป็นอย่างดีในตอนนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีทางเป็นแบบทุกวันนี้ได้”
“เรียกพวกเขามาหาข้าที ข้ามีบางอย่างจะพูดกับพวกเขา” หลิงตู้ฉิงพูดขี้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หยุนชานก็สั่งให้คนของเขาไปตามมู่เฉียนซ่งและมู่เฉียนหยู่ มาหาหลิงตู้ฉิงทันที
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิง คู่พี่น้องตระกูลมู่ก็แสดงสีหน้าสงสัย
พวกเขารู้แล้วว่า หลิงตู้ฉิงนั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับตระกูลของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจนักว่าหลิงตู้ฉิงมีฐานะอะไร ในตอนนี้เมื่อพวกเขาได้มาเจอหลิงตู้ฉิงอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาจึงรู้สึกสงสัยว่าหลิงตู้ฉิงต้องการอะไรจากพวกเขาอีกกันแน่
หลิงตู้ฉิงมองไปที่คู่พี่น้องด้วยสีหน้าพึงพอใจ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เลว แต่ก็ยังไม่ถึงกับที่ข้าตั้งเป้าเอาไว้ สาวน้อยต่อจากนี้ข้าจะส่งเจ้าไปหาอาจารย์ที่เหมาะสมกับเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าของวิชาเพลิงหนานหมิงที่เจ้ากำลังฝึกฝนอยู่ หากเจ้าได้ติดตามเขา อนาคตของเจ้าจะยิ่งสดใสมากกว่าเดิม”
“ท่านลุง ยังมีอาจารย์คนไหนที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่าท่านอีกงั้นเหรอ?” มู่หยุนชานหัวเราะ
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าไม่มีเวลาจะสอนพวกเขาหรอก! ส่วนอาจารย์ของนางที่เจ้าจะต้องส่งนางไปหาก็คือเจ้าของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนที่อยู่ในอาณาเขตเทียนหยวน ซึ่งเป็นผู้คิดค้นวิชาเพลิงหนานหมิงตัวจริง ดังนั้นการให้นางติดตามเขาจะมีแต่ผลดีต่อนางในอนาคต ส่วนเจ้าหนูนี่ จงส่งเขาให้ไปช่วยงานลูกของข้าที่อาณาเขตนภา!”
“การเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ที่ดีจะต้องหล่อหลอมขึ้นมาจากการต่อสู้เป็นตาย ด้วยสถานการณ์ของอาณาเขตนภาในตอนนี้ มันคงจะอีกไม่นานที่จะเกิดสงครามใหญ่ขึ้น ดังนั้นมันจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะมากในการส่งเขาไปฝึกฝน”
มู่หยุนชานรีบพูดขึ้นทันที “ท่านลุงต้องการให้ข้าส่งคนไปช่วยลูกของท่านเพิ่มเติมด้วยไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “เรื่องนั้นก็แล้วแต่เจ้า”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พูดกับมู่หยุนชานด้วยโทรจิตว่า “ลูกชายของข้านั้นคือผู้ทีมีสายเลือดเป็นผู้นำของเหล่ามวลมนุษย์ หากเจ้าช่วยเขาสร้างอำนาจในตอนนี้ พวกของเจ้าทั้งหมดจะได้รับประโยชน์มากมายในอนาคต แต่ถ้าหากเจ้าจะส่งคนของเจ้าไป จงอย่าส่งไปจนหมด ที่อาณาเขตสุสานกระบี่แห่งนี้ยังต้องการพวกเจ้าช่วยดูแลอยู่เช่นกัน”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะส่งไปแต่บรรดาศิษย์เพื่อให้พวกเขาไปฝึกฝน!” มู่หยุนชานตอบกลับ
อันที่จริงมู่หยุนชานไม่รู้ว่าสายเลือดผู้นำของมวลมนุษย์นั้นสำคัญยังไง แต่เมื่อหลิงตู้ฉิงเอ่ยว่าเขาจะได้ประโยชน์มหาศาล ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะส่งคนของเขาไป
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะที่ข้าจะพูดก็มีเพียงเท่านี้ หลังจากนี้เจ้าก็จงจัดการตามที่ข้าบอกด้วยตัวเองไปก็แล้วกัน”
มู่หยุนชานพยักหน้า จากนั้นเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “ท่านลุง ท่านช่วยชี้แนะให้คนของข้าสักกลุ่มหนึ่งได้ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)