สีหน้าของเฟิงฉิงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ ในระหว่างที่เขาตรวจสอบห้วงความทรงจำของทุกคนในเหมืองและไม่พบกับอะไร
ทองคำสีชาดทั้งหมดหายไปไหนกัน?
ในตอนนี้เขาหวังเพียงแค่หานฉีจะได้รับเบาะแสอะไรเพิ่มเติม
หลังจาก 3 วันผ่านไป ในตอนนี้ความทรงจำของหานฉีที่ถูกผนึกไว้ได้ถูกคลายออกหมดแล้ว เขาจึงเริ่มดำเนินการตามแผนต่อไปทันทีโดยการเข้าไปพบกับเฟิงฉิง
“มีความคืบหน้าอะไรบ้างไหม?” เฟิงฉิงรีบถามขึ้น
“ท่านบรรพบุรุษ ข้าได้พยายามสืบหาในทุก ๆ ตารางนิ้วของเมืองขนนกอัคคีแล้วแต่ข้าก็ยังไม่เจอทองคำสีชาดที่หายไปเลย” เมื่อหานฉีสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของเฟิงฉิงเรื่อย ๆ เขาก็รีบพูดขึ้นต่อทันที “แต่มันก็ใช่ว่าข้าจะไม่มีเบาะแสอะไรเลย”
“เบาะแสอะไร?” เฟิงฉิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “จงภาวนาว่าเบาะแสของเจ้ามันมีประโยชน์พอ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายตรงนี้ทันที!”
หานฉีรีบพูดขึ้นว่า “ท่านบรรพบุรุษ การที่จะมีใครขโมยทองคำสีชาดไปแบบนี้ได้ คนผู้นั้นจะต้องมีความคุ้นเคยกับเมืองขนนกอัคคีเป็นอย่างมากแน่นอน ท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ได้มีกลุ่มคนน่าสงสัยกลุ่มหนึ่งเพิ่งปรากฏตัวขึ้นที่นี่”
“ในกลุ่มคนพวกนั้นมีเด็กสาว 2 คนที่เป็นคนของตระกูลเสี่ยว ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในพวกตระกูลหนิงที่เป็นคนทรยศของพวกเรา”
“เมื่อข้าทราบข่าวว่าพวกนางมาถึงที่เมืองของข้า ข้าจึงพาคนของข้าทั้งหมดเข้าจับกุมพวกนางแต่แล้วข้ากลับพบกับเรื่องราวไม่คาดฝันก็คือในตอนนี้พวกนางกลับกลายเป็นหนึ่งในชนชั้นสูง ซึ่งผู้ที่รับรองให้พวกนางเป็นชนชั้นสูงก็คือ ราชันสงคราม! และก็เป็นราชันสงครามเองที่พาพวกนางมาที่นี่ในครั้งนี้!”
เมื่อได้ยินชื่อราชันสงคราม เฟิงฉิงก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง “ราชันสงคราม? เจ้าแน่ใจเหรอว่าใช่ราชันสงครามจริง ๆ?”
หานฉีรีบตอบกลับ “ไม่ผิดพลาดแน่นอน ในตอนนั้นผู้อาวุโสชิวไป๋หยูก็อยู่ด้วยกันกับข้าและเขาก็เป็นคนยืนยันว่านางเป็นราชันสงครามจริง ๆ ในรอบนี้ที่ราชันสงครามกลับมา นางไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียวแต่นางยังพาเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากับนางด้วย แต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานนางก็ได้พากลุ่มของนางออกไปจากเมืองของข้าแล้ว”
“จากที่ข้าสันนิษฐาน ตระกูลเสี่ยวนั้นอยู่อาศัยที่เมืองนี้มาเป็นเวลานานตั้งแต่รุ่นก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกับเมืองนี้เป็นอย่างมากแถมก่อนหน้านี้ เสี่ยวถิงไห่และภรรยาของเขาก็เป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในเหมือง พวกเขาจึงคุ้นเคยกับเหมืองเป็นอย่างดีเช่นกัน ดังนั้นการที่จะมีใครสามารถขโมยทองคำสีชาดไปได้แบบนี้ กลุ่มของราชันสงครามจึงมีความเป็นไปได้มากที่สุดเพราะในกลุ่มของพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันอยู่ถึง 2 คน ซึ่งในเมืองของข้าไม่มีใครมีระดับการบ่มเพาะสูงขนาดนั้น”
“ดังนั้นการที่จะมีใครสามารถลอบเข้าไปในเหมืองและขโมยทองคำสีชาดออกมาโดยไม่มีใครรู้ตัวได้นั้น มันจึงมีแค่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถทำได้!”
หานฉีอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ และวิเคราะห์ข้อสรุปในคราวเดียว
ความหมายของเขาทั้งหมดที่ต้องการจะสื่อก็คือมันเป็นกลุ่มของราชันสงครามแน่นอนที่ขโมยทองคำสีชาดไป
เฟิงฉิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาถึงขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “มันมีประโยชน์อะไรที่ราชันสงครามจะขโมยทองคำสีชาดไป?”
หานฉีพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ท่านบรรพบุรุษ ข้าได้ยินมาว่าราชันสงครามนั้นมีอุปลักษณะนิสัยไม่เหมือนใครเลย นางอาจจะวางแผนการบางอย่างไว้ก็เป็นได้”
เฟิงฉิงมองไปที่หานฉี และพูดขึ้นว่า “จงหยุดกิจการทุกอย่างของเหมืองทองคำสีชาดเอาไว้ก่อนชั่วคราว อย่าเพิ่งทำอะไรกับเหมืองในตอนนี้”
หลังจากพูดจบ เฟิงฉิงก็รีบกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ในทันที
แทบจะในทันทีที่เฟิงฉิงกลับถึงภูเขาฟีนิกซ์ การประชุมลับก็บังเกิดขึ้นในภูเขาฟีนิกซ์ทันที
“ราชันสงครามต้องการทำอะไรกันแน่? ทำไมนางต้องขโมยทองคำสีชาดไปจนหมดด้วย?” ชายชราผู้หนึ่งตะโกนด้วยความเดือดดาล
“ยังต้องหาคำอธิบายอะไรอีก? นางก็แค่อยากกลับมามีอำนาจอีกครั้งยังไงล่ะ! แต่นางรู้ดีว่ามันมีหลายคนที่ไม่ชอบวิธีการของนางสักเท่าไหร่ นางจึงสร้างสถานการณ์ขโมยทองคำสีชาดเอาไปซ่อน แล้วจากนั้นนางก็จะแสร้งทำเป็นว่านางหาพวกมันเจอเพื่อได้รับการสนับสนุนจากคนอื่น ๆ ในเผ่า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)