หลังจากเดินทางไม่นาน ในที่สุดกลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็เข้าสู่อาณาเขตอเวจี
แต่ในทันทีที่พวกเขาเข้าสู่อาณาเขตอเวจี พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่วังเวงเป็นอย่างมากราวกับว่าพวกเขาอยู่ในสุสานที่มีอายุนับพันปี ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายตัวอย่างรุนแรง
แม้แต่โม่หยูถังที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ก็ยังรู้สึกแปลก ๆ เช่นกัน
ในอดีตตอนที่เขายังคงอยู่ที่นี่ในสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี เขาก็ยังรู้สึกว่าเขามีความรู้สึกสบายตัวกับบรรยากาศทั้งหมด แต่พอในตอนนี้ที่เขากลับมา เขากลับรู้สึกว่าเขาไม่รู้สึกคุ้นเคยกับมันเลย
“นายท่าน…” โม่หยูถังรู้สึกกังวล แต่เขาก็หยุดตัวเองไว้ไม่พูดอะไรออกไปต่อ เนื่องจากเขาเริ่มคิดถึงคำพูดที่หลิงตู้ฉิงเคยพูดเอาไว้ว่าอาณาเขตอเวจีของเขามีปัญหา
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “ไม่ต้องใส่ใจอะไรให้มากนักหรอก อะไรจะเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิดขึ้น เจ้าเปลี่ยนแปลงอะไรมันไม่ได้หรอก”
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงเองก็รู้สึกประหลาดใจกับบรรยากาศตอนนี้ของอาณาเขตอเวจีเหมือนกัน เนื่องจากเขารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายแบบนี้ ซึ่งมันมีอยู่ในดอกอุทุมบาระยมโลก
แต่มันก็เหมือนเดิม เขายังคงไม่สามารถฟันธงได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้างกันแน่ สิ่งที่เขาทำได้ก็คงมีแค่เพียงการรอให้ปริศนาต่าง ๆ ถูกสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีเฉลยขึ้นมาเอง
แต่ในขณะที่ทุกคนต่างรู้สึกไม่สบายตัวสักเท่าไหร่ อี้ลั่วเอ๋อกลับเป็นแค่คนเดียวที่รู้สึกมีความสุขกับบรรยากาศแบบนี้
เนื่องจากอี้ลั่วเอ๋อฝึกฝนเคล็ดวิชาผีเสื้อยมโลกเริงระบำ ซึ่งเป็นวิชาที่เกี่ยวกับพลังของยมโลกหรืออเวจีอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงรู้สึกเบิกบานเป็นพิเศษเมื่อรอบกายนางมีแต่พลังของยมโลกแบบนี้
เมื่อเห็นอาการเบิกบานของอี้ลั่วเอ๋อ หลิงตู้ฉิงจึงหันไปพูดกับโม่หยูถังว่า “พ่อบ้านโม่ ข้าจะเปลี่ยนแผนการเดินทาง ตอนนี้พวกเราจะยังคงไม่ไปที่สำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีของเจ้า เดี๋ยวเราจะหาจุดที่เหมาะสมเพื่อให้อี้ลั่วเอ๋อได้บ่มเพาะก่อนสักพัก จากนั้นพวกเราค่อยไปที่สำนักของเจ้าทีหลัง แต่ว่าเมื่อพวกเราไปถึงสำนักของเจ้าแล้ว เจ้าอย่าเพิ่งพูดเรื่องของเทียนหยุนที่จะเข้าร่วมกับสำนักของเจ้า หรือแม้แต่เรื่องที่เจ้าได้รับการถ่ายทอดคัมภีร์เก้าเทพปีศาจฉบับสมบูรณ์จากข้าไป”
โม่หยูถังพยักหน้าอย่างหนักแน่น และพูดว่า “นายท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่พูดอะไรแน่นอน!”
“และอีกอย่างเมื่อเจ้าไปถึงสำนักของเจ้า เจ้าจะต้องตรวจสอบสถานการณ์ในสำนักของเจ้าให้ละเอียด และข้าอยากให้เจ้ารีบยืมประตูเคลื่อนย้ายของสำนักเจ้าเพื่อที่พวกเราจะได้เดินทางไปที่เขตแดนอุดรทมิฬให้เร็วที่สุด” หลิงตู้ฉิงพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง
โม่หยูถังพยักหน้า “ข้าจำได้ว่ามีสถานที่หนึ่งที่อยู่ในอาณาเขตอเวจีและมีชื่อเรียกว่าสระน้ำอเวจี ซึ่งในบริเวณนั้นเป็นจุดที่มีพลังแห่งยมโลกหนาแน่นที่สุด ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นที่ที่องค์หญิงอี้น่าจะชอบหากนางได้ไปบ่มเพาะที่นั่น ส่วนเรื่องประตูเคลื่อนย้ายสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีนั้นมีความสัมพันธ์กับเขตแดนอุดรทมิฬอยู่พอสมควร ดังนั้นการเดินทางไปที่นั่นคงไม่ใช่ปัญหา ว่าแต่นายท่านต้องการไปที่ไหนในเขตแดนอุดรทมิฬ?”
“จุดที่ข้าต้องการจะไปก็คืออาณาเขตเงาทมิฬ ประตูเคลื่อนย้ายของสำนักเจ้าสามารถเดินทางไปที่นั่นได้รึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
โม่หยูถังหัวเราะ “ช่างบังเอิญจริง ๆ นายท่าน สำนักของข้านั้นมีประตูเคลื่อนย้ายที่เชื่อมอยู่กับสำนักที่อยู่ในอาณาเขตเงาทมิฬพอดีเลย!”…ไอลีนโนเวล
หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ยิ่งประหยัดเวลาไปได้มากเข้าไปใหญ่”
ภายใต้การนำทางของโม่หยูถัง ในเวลาไม่นานกลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็เดินทางถึงบริเวณที่เรียกว่าสระน้ำอเวจี
ในระหว่างทางที่พวกเขาผ่านมา พวกเขาแทบจะไม่เห็นสิ่งมีชีวิตเลย ซึ่งสภาพแวดล้อมแบบนี้มันดูร้างซะยิ่งกว่าอาณาเขตจันทราทมิฬเสียอีก
หากพูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว อาณาเขตอเวจีไม่ควรที่จะตกอยู่ในสภาพแบบนี้เพราะอาณาเขตแห่งนี้เป็นอาณาเขตที่ใหญ่และโด่งดัง แต่ด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนไปมันจึงทำให้เหล่าผู้คนทั่วไปเริ่มที่จะอาศัยอยู่ไม่ไหว
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตอเวจีได้ในเวลานี้จึงมีแค่กลุ่มคนจำนวนไม่มาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกผู้เชี่ยวชาญที่บ่มเพาะพลังธาตุมืด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)