หลิงตู้ฉิงไม่ได้รีบร้อนที่จะเดินทางเข้าไปที่สำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีนัก เนื่องจากตอนนี้เขายังคงต้องให้เวลาหลิงฟ่างหัวและอี้ลั่วเอ๋อทำความเข้าใจในสิ่งที่พวกนางเพิ่งจะบรรลุมา
พวกเขาหยุดอยู่ในที่เดิมเป็นเวลาถึง 10 ปี ซึ่งในตอนนี้ อี้ลั่วเอ๋อสามารถปรับสมดุลระดับการบ่มเพาะสวรรค์สามัญได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนหลิงฟ่างหัวถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของนางจะยังคงอยู่ในระดับเดิมคือสวรรค์สามัญ แต่นางก็พัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะมิติของนางเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ต่อไปนี้หากเจ้าเกิดปัญหาอะไร เจ้าก็จงหลบไปอยู่ในอวกาศ ซึ่งที่นั่นเจ้าจะสามารถยืมพลังแห่งอวกาศมาใช้ได้จนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญก็ไม่อาจต่อกรกับเจ้าได้”
หลังจากหลิงฟ่างหัวและอี้ลั่วเอ๋อบ่มเพาะเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็สั่งให้โม่หยูถังพาทุกคนมุ่งหน้าไปที่สำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี ซึ่งเป็นสำนักบ้านเกิดของเขา
แต่แล้วเมื่อพวกเขาทุกคนเดินไปถึงสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี พวกเขาก็ถูกหยุดโดยผู้เชี่ยวชาญสองคนที่หลิงตู้ฉิงจำหน้าได้
ผู้เชี่ยวชาญสองคนของสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีจ้องเขม็งมาที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร และตะคอกถามว่า “นี่เจ้ายังกล้ามาที่สำนักของพวกเราอีกงั้นเหรอ?”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือสองคนเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงเคยเจอในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ
ในตอนนั้นเป็นเพราะหลิงตู้ฉิงต้องการครอบครองพลังของดาวอเวจี ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงไล่ทั้งสองคนนี้ออกจากดาวอเวจีไป ในตอนนี้ด้วยความบังเอิญพวกเขาก็ได้เจอกันอีก
นับตั้งแต่ตอนนั้นผ่านมานับร้อยปี ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนที่เคยอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราได้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเรียบร้อยแล้ว
“นายท่าน…” โม่หยูถังมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตากังวลกลัวว่า หลิงตู้ฉิงจะสังหารศิษย์สำนักของเขาทั้งสองคนนี้ทิ้ง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ในอดีตตอนที่ข้าเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข้าได้เจอกับพวกเขาและมีปัญหากันนิดหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าจัดการพวกเขาให้นายท่านเอง” โม่หยูถังรีบพูดขึ้น จากนั้นเขาหันไปหาผู้เชี่ยวชาญทั้งสองและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งคู่เป็นศิษย์ของใครกัน? กลุ่มคนที่มากับข้าเป็นแขกคนสำคัญของสำนักเรา พวกเจ้ากล้าแสดงมารยาทไม่เหมาะสมแบบนี้กับแขกของสำนักเราได้ยังไง? เจ้ารีบถอยไปซะ อย่าทำให้สำนักของเราขายหน้า!”
เมื่อผู้เชี่ยวชายทั้งสองได้ยินคำพูดของโม่หยูถังแบบนี้ พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าโม่หยูถังเป็นคนสำนักเดียวกับพวกเขา
แต่ถึงแม้จะได้ยินแบบนี้ ด้วยสถานะของพวกเขาที่เป็นหนึ่งในอัจฉริยะของสำนักบวกกับที่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้าโม่หยูถังมาก่อน พวกเขาจึงยังคงรู้สึกว่ายอมไม่ได้
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันพูดอะไรเถียงกลับไป ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “หยูถังนั่นเจ้าเหรอ?”
เมื่อโม่หยูถังเห็นหน้าของชายชราที่ปรากฏตัวขึ้นและทักเขา เขาก็รีบเดินเข้าไปหาและพูดทักทายขึ้นทันที “คารวะอาจารย์ลุง ไม่ได้เจอกันนานเลย!”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนที่ในตอนแรกยังรู้สึกไม่ยินยอม ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าโม่หยูถังรู้จักกับผู้อาวุโสของสำนัก พวกเขาก็รีบจากไปในทันที
“นี่เจ้าหายไปไหนมาตั้งนาน? ทำไมเจ้าถึงไม่กลับมาที่สำนักบ้างเลย?” ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เอ่ยถามขึ้น
โม่หยูถังหัวเราะและตอบกลับว่า “ก่อนหน้านี้ข้าออกไปท่องเที่ยวที่อาณาเขตจันทราทมิฬ ซึ่งที่นั่นข้าดันไปมีปัญหากับนายน้อยของหมู่บ้านราตรีทมิฬและถูกคนเหล่านั้นลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสจนต้องหนีไปที่อาณาเขตนภาไปซ่อนอยู่ในทะเลชางหมาง และจากนั้นข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวของนายท่านของข้า ช่วยให้ข้าฟื้นฟูจนกลับมาเป็นเหมือนเดิม อาจารย์ลุงนี่คือนายท่านของข้าที่ข้าติดตามอยู่ หลิงตู้ฉิง นายท่านนี่คืออาจารย์ลุงของข้า จู้หมิงเซียน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยทักทายจู้หมิงเซียน
ส่วนทางด้านของจู้หมิงเซียนก็พยักหน้าทักทายกลับ จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองไปยังเหล่าผู้คนที่อยู่ด้านหลังหลิงตู้ฉิง จนสุดท้ายสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หยูเจิ้นไห่ หยูคงหมิง และหมิงยู่ เป็นพิเศษ
“หยูถัง นี่ข้าไม่เจอเจ้าแค่ไม่กี่ร้อยปี ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำไปซะแล้ว เจ้านี่ช่างไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริ งๆ!” จู้หมิงเซียนหัวเราะ “ว่าแต่สหายของเจ้าที่เหลือนี้คือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)