เนื่องจากอาณาเขตวิญญาณโลหิตและอาณาเขตสุสานกระบี่นั้นอยู่ติดกัน และสำนักวิญญาณโลหิตกับสำนักกระบี่เอกภพนั้นมีระยะทางห่างกันเพียง 10,000 กิโลเมตร ดังนั้นหมิงยู่ที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับสวรรค์สมบูรณ์จึงใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนางก็ถึงที่หมาย
เมื่อหมิงยู่เดินทางถึงสำนักระบี่เอกภพ นางก็ตะโกนขึ้นที่หน้าทางเข้าสำนักทันที “ผู้อาวุโสมู่หยุนชาน ข้าหมิงยู่มาขอเข้าพบ!”
บรรดาศิษย์ของสำนักกระบี่เอกภพเมื่อได้ยินหมิงยู่เรียกชื่อบรรพบุรุษของพวกเขาตรง ๆ แบบนี้พวกเขาก็รู้สึกโมโหในทันที
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันพูดอะไรออกไป มู่เทียนหยูก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าหมิงยู่ และถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “เจ้าสำนักหมิง ท่านต้องการพบกับพ่อของข้าทำไมงั้นเหรอ?”
หมิงยู่โทรจิตบอกกับมู่เทียนหยูทันที “ตอนนี้มีอสูรขอบเขตราชันจากสันเขาหมื่นอสูรมาเยือนสำนักวิญญาณโลหิตของข้าเพื่อขอให้สำนักข้าร่วมมือกับพวกมัน และข้าได้รายงานเรื่องนี้ให้กับนายท่านได้ทราบแล้ว ซึ่งเขาเป็นคนบอกว่าให้ข้ามาตามพ่อของท่านไปจัดการกับอสูรตนนี้ให้กับสำนักของข้า เพื่อที่สำนักของข้าจะได้ไม่ต้องลงมือเอง ไม่เช่นนั้นสำนักของข้าอาจจะมีปัญหาอื่นตามมาในอนาคต”
เมื่อมู่เทียนหยูได้ยินเช่นนี้ เขาก็รีบตอบกลับในทันที “ถ้างั้นเจ้าสำนักหมิงรอสักครู่ก่อน ข้าจะรีบไปตามพ่อของข้ามาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อพูดจบร่างของเขาก็หายไปในทันที เพื่อไปตามให้มู่หยุนชานออกมาจากสถานที่ปิดด่าน
ทางด้านของมู่หยุนชาน เมื่อยินเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยจากลูกชายของเขา เขาก็รีบลุกขึ้นและสั่งกับมู่เทียนหยูทันที “เจ้าจงอยู่ที่นี่เพื่อดูแลสำนักให้ดี เดี๋ยวข้าจะออกไปฆ่าอสูรตนนั้นก่อน!”
“ท่านพ่อ ท่านต้องระวังตัวให้ดี นี่มันอาจจะเป็นกับดักที่พวกอสูรล่อให้พวกเราออกไปก็ได้ หรือไม่สำนักวิญญาณโลหิตอาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล ดังนั้นข้าแนะนำว่าท่านควรนำกระบี่อาญาสวรรค์ติดตัวไปด้วยเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น” มู่เทียนหยูพูดขึ้น
มู่หยุนชานส่ายหัวและพูดว่า “ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของข้าเข้าใกล้ขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นปลายมากแล้ว และอีกอย่างเต๋ากระบี่ของข้าในตอนนี้ก็บรรลุไปอีกระดับเรียบร้อย ต่อให้ข้าต้องเผชิญกับอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นปลาย ข้าก็สามารถจัดการมันได้อย่างแน่นอน ดังนั้นกระบี่อาญาสวรรค์ข้าจะทิ้งมันไว้ที่นี่เพื่อคอยปกป้องสำนักในระหว่างที่ข้าไม่อยู่ ส่วนสำนักวิญญาณโลหิตนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย ในเมื่อหมิงยู่มาที่นี่ด้วยตัวเอง มันก็แสดงว่าสำนักวิญญาณโลหิตยังคงเป็นเหมือนเดิมแน่นอน”
หลังจากพูดจบ มู่หยุนชานก็ออกไปเจอกับหมิงยู่ทันที และพูดว่า “พวกเราค่อยคุยรายละเอียดกันระหว่างทางก็แล้วกัน!”
ในระหว่างทาง มู่หยุนชานก็ได้ทราบรายละเอียดต่าง ๆ ของสำนักวิญญาณโลหิตจากปากของหมิงยู่ ซึ่งจากนั้นเขาก็ถามสวนขึ้นว่า “เจ้าสำนักหมิง ข้าอยากจะถามท่านอีกครั้งตรง ๆ ในความคิดของท่านตอนนี้ท่านอยากจะปะทะกับพวกอสูรตรง ๆ ไปเลยหรือต้องการที่จะทำตัวไม่เป็นจุดสนใจเพื่อบ่มเพาะต่อไป?”
หมิงยู่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “หากดูจากความแข็งแกร่งของสำนักข้าในตอนนี้ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คงจะไม่พ้นยึดตามแผนที่นายท่านบอกก็คือเก็บตัวสะสมความแข็งแกร่งไปก่อนเรื่อย ๆ เนื่องจากในตอนนี้พวกเรายังไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิเลยแม้แต่คนเดียว”
มู่หยุนชานพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวท่านแค่ทำตามแผนที่ข้าบอกก็พอ อันดับแรกท่านสั่งให้คนของท่านแกล้งตอบตกลงร่วมมือกับอสูรที่มาเยือนสำนักท่านไปก่อนเพื่อให้มันตายใจ แล้วจากนั้นพออสูรตนนั้นออกจากสำนักของท่านไป ข้าจะดักฆ่ามันเอง ด้วยวิธีนี้สำนักของท่านจะได้ไม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนฆ่าอสูรและสำนักของท่านจะได้มีเวลาบ่มเพาะกันต่อไปอย่างสงบ”
หมิงยู่หัวเราะ “ผู้อาวุโส นี่ท่านหมายความว่าจะให้สำนักของข้าเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้พวกอสูรมาติดกับ และท่านก็จะได้ฆ่าพวกมันทิ้งเรื่อย ๆ ใช่ไหม?”
“นั่นแหละสิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อ!” มู่หยุนชานหัวเราะ “ไม่ว่าจะยังไงพวกเราก็เป็นเหมือนน้ำกับไฟกับพวกอสูรอยู่แล้ว ไม่มันก็พวกเรายังไงก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ดังนั้นการล่อพวกมันมาฆ่าแบบนี้ก็ไม่ถือว่าน่าเกลียดอะไรหรอก ท่านว่าจริงไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)