ทุก ๆ คนต่างรอหลิงตู้ฉิงอย่างใจจดใจจ่อจนท้ายที่สุดเวลาผ่านไป 5 ปี หลิงตู้ฉิงจึงเดินออกมาจากวิหาร
“ท่านอาจารย์!” อุลบารีบวิ่งมาหาพร้อมโค้งคารวะทันที
ในตอนนี้เขารู้แล้วว่านิสัยใหม่ของอาจารย์เขาคือชอบอวดบารมีกับคนอื่น ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งเข้ามาคารวะเพื่อทำให้หลิงตู้ฉิงพอใจ
“นายท่าน!” โม่หยูถังและคนอื่น ๆ ที่รู้แบบนี้เช่นกันต่างก็รีบวิ่งเข้ามาหาโค้งคารวะ
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดกับซวนหยวนตู่ว่า “ข้าเก็บร่างของบรรพบุรุษเจ้าไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เจ้าจงเรียกคนในเผ่าของเจ้ามารวมกันให้หมด ข้าจะได้อธิบายวิธีการแก้ไขปัญหาของพวกเจ้าให้ได้ฟังพร้อม ๆ กัน”
ในเมื่อเขาตั้งใจว่าเขาจะเอาศพไปให้ได้ ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงไม่เสียเวลาที่จะรอความเห็นของเผ่า ภูตดิน
แต่แน่นอนว่าเขายังคงต้องจ่ายราคาให้กับเผ่า ภูตดิน ซึ่งก็คือการช่วยแก้ปัญหาการสูญพันธุ์ให้
ซวนหยวนตู่พยักหน้าด้วยท่าทีเคารพและพูดว่า “รับทราบท่านผู้ส่งสาสน์ ข้าจะรีบไปตามคนในเผ่าของข้ามาที่นี่ทุกคนเดี๋ยวนี้!”
อันที่จริงซวนหยวนตู่ได้ปรึกษากับเผ่าของเขาแล้ว และเผ่าของเขาก็ได้ข้อสรุปตรงกันเป็นที่เรียบร้อยว่าเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ พวกเขายอมเสียศพของบรรพบุรุษได้ เพราะถ้าพวกเขาสูญพันธุ์ไป ศพบรรพบุรุษพวกเขาก็คงถูกปล้นไปอยู่ดีหรือไม่ก็อาจถูกทำลายโดยศัตรู ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะมอบศพให้กับหลิงตู้ฉิง และตอนนี้เมื่อหลิงตู้ฉิงเอาศพไปแล้วแถมยังสัญญากับพวกเขาว่าจะแก้ไขปัญหาให้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปพูดถึงเรื่องศพอีก
ในเวลาไม่นานเหล่า ภูตดินกว่า 300 ตนก็ได้มารวมกันที่หน้าวิหาร ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาทุกตนล้วนไม่ธรรมดา ภูตดินที่อ่อนแอที่สุดนั้นมีระดับการบ่มเพาะถึงระดับเหนือล้ำ ส่วน ภูตดินที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด และยิ่งไปกว่านั้นระดับการบ่มเพาะเกิน 1 ใน 3 ของ ภูตดินทั้ง 300 กว่าตนคืออยู่เหนือกว่าขอบเขตราชันขึ้นไปอีกต่างหาก
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เล่า ภูตดินทั้ง 300 กว่าตนด้วยสีหน้าจนใจ เขาสามารถเห็นสาเหตุได้อย่างคร่าว ๆ ในทันทีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับภูตดินเหล่านี้คืออะไร
เหตุผลเป็นเพราะภูตดินเหล่านี้อยู่ใกล้ชิดกับมหาวิถีเต๋าธาตุดินมากเกินไปจนทำให้ร่างกายของพวกเขามีพลังธาตุดินสถิตอยู่หนาแน่นเกินกว่าที่ควรจะเป็น และพลังธาตุดินนั้นมันก็ไปเบียดเบียนพลังส่วนอื่น ๆ ในร่างกายของพวกเขา ซึ่งรวมไปถึงพลังที่มีผลต่อการให้กำเนิดทายาท
“พวกเจ้าเอาตัวอย่างเลือดของพวกเจ้ามาให้ข้าวิเคราะห์สักหน่อยก่อน” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
กลุ่มของภูตดินที่ดูหนุ่มที่สุดต่างก็พากันเอาเลือดของพวกเขามามอบให้กับหลิงตู้ฉิง แต่ว่าบรรดาภูตดินที่อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิกลับพูดขึ้นว่า “ท่านผู้ส่งสาสน์ สำหรับพวกข้าที่มีชิวิตอยู่มานานแล้วตอนนี้พวกข้าไม่มีเลือดหลงเหลืออยู่ในร่างกายเลย! มวลเลือดทุกหยดที่อยู่ในร่างของพวกข้าตอนนี้แปรเปลี่ยนไปเป็นพลังธาตุดินจนหมดไม่มีเหลือแล้ว…”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยสีหน้าจนใจ และจากนั้นเขาก็ได้แต่เริ่มวิเคราะห์เลือดของภูตดินที่ยังหนุ่มแทน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็กวาดสายตามองไปที่เหล่าภูตดินด้วยสายตาที่แปลกประหลาดกว่าเดิม และถามว่า “สายเลือดของพวกเจ้าทั้งหมดนั้นมันช่างยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก ไหนลองบอกข้าทีว่าผู้ให้กำเนิดพวกเจ้าคือพี่สาวของพวกเจ้าใช่ไหม?”
ถ้าให้พูดง่าย ๆ ก็คือพวกภูตดินเหล่าไม่อยากจะให้สายเลือดของตัวเองไปพัวพันกับสายเลือดคนนอก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องมีสัมพันธ์กันเองในครอบครัวเพื่อผลิตทายาทที่เป็นสายเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้ออกมามันก็ยิ่งมีแต่จะเป็นผลเสียไปเรื่อย ๆ
“ท่านผู้ส่งสาสน์ ที่พวกเราทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้สายเลือดของพวกเรายังคงบริสุทธิ์ ว่าแต่มันมีปัญหางั้นเหรอ?” เหล่าภูตดินถามขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)