หลังจากสังหารจักรพรรดิอักขระเรียบร้อยแล้ว หลิงตู้ฉิงก็ทำเหมือนเดิมคือเก็บพลังวิญญาณบริสุทธิ์และเต๋าที่สถิตในร่างแยกของจักรพรรดิอักขระเอาไว้ให้กับคนในครอบครัวของเขา
ส่วนทางด้านของผู้คนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างก็ยืนนิ่งอ้าปากค้างเพราะความตกตะลึง
พวกเขานั้นเคยพบกับเย่เจียงไห่แล้ว และรู้ว่าเย่เจียงไห่แข็งแกร่งแค่ไหน แต่จักรพรรดิอักขระผู้นี้นั้นแข็งแกร่งกว่าเย่เจียงไห่ซะอีก แต่เขากลับถูกหลิงตู้ฉิงสังหารลงอย่างง่ายดาย
เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพมรณะผู้นี้ ไม่มีใครเลยที่สามารถต่อกรได้งั้นเหรอ? และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังได้ยินอย่างชัดเจนว่าจักรพรรดิอักขระเรียก หลิงตู้ฉิง ว่าผู้อาวุโสอีกต่างหาก
แต่แล้วเมื่อพวกเขาคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ทำลงไปก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เริ่มแสดงอาการตื่นตระหนก
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังแสดงสีหน้าหวาดกลัว จากนั้นเขาใช้เจตจำนงของตนเองฉายภาพร่างของใครหลายคนที่เป็นสมาชิกของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และพูดว่า “พวกเจ้าทั้งหมดที่ข้าหมายหัวไว้ พวกเจ้าจะลงมือฆ่าตัวตายไปเองหรือจะให้ข้าทำแทน? โอ้ คิดหนีต่อหน้าข้างั้นเหรอ? ทัณฑ์ฟ้าดิน!”
ในทันทีที่เห็นหน้าของตัวเองถูกหลิงตู้ฉิงฉายขึ้น คนเหล่านั้นรีบหันหลังและบินหนีกันในทันทีด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่พวกเขาจะสามารถเร็วได้
ในกลุ่มคนที่หลบหนี มีหลายคนที่เปนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิแถมส่วนใหญ่ยังเป็นคนของตระกูลหาน
คนเหล่านี้ที่หลิงตู้ฉิงสังหารไปคือกลุ่มคนที่เดินทางไปที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนเพื่อข่มขู่ขอสมบัติจากมู่เฉียนหลิง
ในตอนนี้เมื่อคนหนุนหลังของพวกเขาตายไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเหลือแค่ทางเลือกเดียวคือหนีไปให้ไกลที่สุดเพื่อรักษาชีวิต ซึ่งน่าเสียดายที่พวกเขาทั้งหมดไม่มีใครหนีไปได้ไกลเกินกว่ากำแพงของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เลยสักคน
“ถึงแม้ว่าเย่เจียงไห่จะเกิดที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ แต่หลังจากที่ความทรงจำของเขากลับคืนมามันก็ถือว่าเขาไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้าอีกต่อไป และถึงแม้ว่าเขาจะขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนแล้ว ตำหนักของเขาในเวลานี้ก็ยังอยู่ในการปกครองของหลานสาวข้า ถ้าหากพวกเจ้าอยากจะตายกันอีกพวกเจ้าสามารถส่งคนไปก่อกวนนางได้อีกรอบ แต่ข้าบอกเอาไว้เลยว่ารอบหน้าข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ไม่เหมือนกับรอบนี้ที่ข้าเห็นแก่ภรรยาของข้า ชิงเฉิง ข้าจึงฆ่าแค่เฉพาะไอ้พวกโง่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น”
ไม่มีใครสักคนกล้าพูดอะไรกับหลิงตู้ฉิงในเวลานี้ เพราะพวกเขาได้เห็นแล้วว่าเทพมรณะผู้นี้ทรงอำนาจขนาดไหน พวกเขากลัวว่าถ้าหากตนเองพูดอะไรออกไปแม้แต่ครึ่งคำ มันอาจทำให้เทพมรณะผู้นี้โมโหจนฆ่าล้างสำนักของพวกเขาก็ได้
เย่ชางคงส่ายหัวและพูดว่า “นับจากนี้ข้าขอถอนตัวออกจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดที่ต้องการตามข้าไปเริ่มใหม่พวกเจ้าสามารถตามข้าไปที่อาณาจักรจันทราได้เลย ส่วนใครก็ตามที่อยู่ที่นี่พวกเจ้าก็เอาสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไปเลย นับจากนี้ข้าไม่ขอสนใจเรื่องราวใด ๆ ของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป”
หลังจากเย่ชางคงพูดจบบรรดาศิษย์หลายคนก็เดินตามเย่ชางคงจากไป ซึ่งศิษย์เหล่านี้ส่วนใหญ่คือศิษย์ที่เพิ่งเข้าร่วมสำนัก
เจ้าสำนักของพวกเขามีคนหนุนหลังเป็นถึงเทพมรณะผู้โด่งดังแถมยังมีลูกชายเป็นผู้สำเร็จเต๋าอีก คนเช่นนี้น่าติดตามที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอไง?
ส่วนบรรดาตัวตนระดับผู้อาวุโสหรือบรรพบุรุษ พวกเขาครุ่นคิดกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นพวกเขาบางส่วนก็เดินตามหลังเย่ชางคงไปเช่นกัน
หลายคนที่เห็นความขัดแย้งภายในของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังคงเป็นแบบเดิมอยู่ก็รู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนกัน
หลายปีมากแล้วที่ทั้งสามตระกูลต่างแก่งแย่งชิงดีกันไม่รู้จักจบจักสิ้น ซี่งพวกเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจหนีไปเริ่มใหม่ซะจะดีกว่า
ท้ายที่สุดคนหนึ่งในสิบของสำนัก ซึ่งเป็นจำนวนราวเกือบ 2,000 คนก็ติดตามเย่ชางคงไปที่อาณาจักรจันทราโดยใช้ประตูเคลื่อนย้าย
เมื่อเย่ชางคงเดินทางไปถึงอาณาจักรจันทรา เขาก็ไม่รีรอพากลุ่มคนของเขาเดินทางไปที่ภูมิภาคอี้ซางทันทีโดยใช้ประตูเคลื่อนย้ายเช่นกัน
จากนั้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดเดินทางถึงภูมิภาคอี้ซางและไปถึงอาณาเขตที่เย่ชิงเฉิงเลือกเอาไว้ พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นกับภาพที่เห็นตรงหน้า เพราะอาณาเขตแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่น้อยมากและทรัพยากรต่าง ๆ ของที่นี่ก็อุดมสมบูรณ์แบบที่พวกเขาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)