หลังจากเหตุการณ์ปะทะกับเทียนเก๋อผ่านไป หลิงยู่ชานใช้เวลาจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในสันเขาทรราชให้เข้าที่อยู่หลายวัน จากนั้นเขาก็พาเหล่าผู้ติดตามของเขาเองออกเดินทางไปกับกองทัพของหลิงยี่เทียน
หลิงยี่เทียนรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างมาก เพราะพี่ชายของเขานำคนมาเสริมทัพของเขามากถึง 1 ล้านคน แถมยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิอีกสิบกว่าคนที่เข้าร่วม
แต่ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าผู้คนของสันเขาทรราชจะดีใจยิ่งกว่าหลิงยี่เทียนซะอีก เพราะด้วยความอุดมสมบูรณ์ของอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรไปอีกอย่างน้อย ๆ ก็แสนปี
ในระหว่างที่กองทัพอาณาจักรจันทราเคลื่อนอัพผ่านอาณาเขตต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ บรรดาสำนักที่อยู่ตามรายทางก็ขอเข้าร่วมกับพวกเขามากขึ้น ๆ จนท้ายที่สุดเมื่อพวกเขาเดินทางถึงอาณาเขตวายุ กองทัพพันธมิตรก็มีจำนวนคนรวมกันมากถึง 300 ล้านคน
เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงอาณาเขตวายุ หลิงยี่เทียนก็สั่งให้กองทัพทั้งหมดหยุดลงเพราะกองทัพของเหล่าอสูรนั้นอยู่ไม่ไกลจากอาณาเขตวายุเช่นกัน และพวกมันกำลังจะเข้าโจมตีที่นี่เร็ว ๆ นี้ ดังนั้นหลิงยี่เทียนจึงตั้งใจว่าจะใช้ที่นี่เป็นสนามแรกของพวกเขา
หลังจากที่พวกเขาหยุดลงที่อาณาเขตวายุได้ไม่นาน พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของเผ่าอสูรที่หนาแน่นกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
หลิงยี่เทียนสั่งขึ้นทันที “ทุกคนเตรียมค่ายกลรบให้พร้อม พวกอสูรโผล่มาเมื่อไหร่พวกเราจะโจมตีทันที!”
กองทหารทั้งหลายต่างแยกกันเปิดใช้งานค่ายกลรบที่ตนเองฝึกฝนมา ไม่มีทหารคนไหนที่แยกกันออกไปสู้เดี่ยว ๆ ยกเว้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวอย่างอิสระเพื่อคอยป้องกันบรรดาอสูรระดับสูงไม่ให้ลอบโจมตีกองทัพ
จริง ๆ แล้วสงครามนั้นมีกฎที่ไม่ได้เขียนขึ้นมาอยู่ก็คือ อันดับแรกกองทัพทั้งสองฝ่ายจะใช้ทหารเข้าห้ำหั่นกันก่อน ส่วนบรรดาพวกผู้เชี่ยวชาญระดับสูงนั้นจะลงมือกันแต่ตอนที่จำเป็นเท่านั้นหรือไม่ก็ต้องเป็นศึกแตกหักที่ตัดสินความอยู่รอด
เมื่อกองทัพอสูรปรากฏกายขึ้น ในช่วงแรกทั้งสองกองทัพต่างปะทะกันแบบหยั่งเชิงไปมา ไม่มีฝั่งไหนโถมกำลังบุกอีกฝ่ายอย่างบุ่มบ่าม
ในระหว่างที่รบกัน ความสามารถของหลิงฟ่างหัวก็เป็นที่ประจักษ์ว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมากในการรบ
ด้วยทักษะการควบคุมมิติ นางสร้างรอยแยกมิติรายล้อมกองทัพพันธมิตรเอาไว้ทั้งสองด้านซ้ายขวาเพื่อคอยเป็นกำแพงกั้นการลอบโจมตีจากบรรดาอสูร
ส่วนเรื่องทรัพยากรต่าง ๆ ที่ใช้ในการรบ นางก็เป็นคนสร้างประตูเคลื่อนย้ายแบบชั่วคราวที่แนวหน้าเพื่อที่แนวหลังอย่างอาณาจักรจันทราจะได้สามารถส่งทั้งทรัพยากรและกำลังบำรุงให้กับแนวหน้าได้ในทันท่วงที รวมไปถึงลำเลียงผู้ที่บาดเจ็บจากการรบกลับไปพักรักษาตัวที่แนวหลังได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนทรัพยากรที่ต้องใช้ในการรบนั้น หลิงยี่เทียนไม่ได้เป็นกังวลเลยว่ามันจะไม่เพียงพอ เพราะเขามีทรัพยากรจากอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางเอาไว้ให้ใช้จำนวนมหาศาลรวมไปถึงทรัพยากรที่ได้จากอาณาเขตเงินตราที่ยึดมาได้อีก จนตอนนี้อาณาจักรจันทราคืออาณาจักรที่ร่ำรวยที่สุดในโลกก็ว่าได้
ในเรื่องของความกังวลว่าแนวหลังจะโดนลอบโจมตีนั้น หลิงยี่เทียนก็ไม่กังวลอีกเช่นกัน ขณะนี้อาณาเขตนภาทั้งหมดนั้นมีมหาค่ายกลของหลิงตู้ฉิงคอยปกป้องอยู่ และที่สำคัญไปกว่านั้นง้าวพินาศเทวะก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย ต่อให้อสูรขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญรวมไปถึงบรรดาอสูรระดับสูงทั้งหมดที่มีอยู่ในสันเขาหมื่นอสูรบุกไปเขาก็ไม่กลัวว่าอาณาเขตนภาจะได้รับความเสียหาย
การสู้รบที่อาณาเขตวายุจบลงในเวลาไม่นานนักด้วยความปราชัยอย่างย่อยยับของทางฝั่งอสูร กองทัพอสูรถอยทัพไปอย่างรีบร้อน ซึ่งสังเกตได้จากการที่พวกมันทิ้งศพพวกพ้องของพวกมันเอาไว้กลาดเกลื่อนเต็มสนามรบ
หลิงยี่เทียนไม่ได้สั่งให้กองทัพของเขาไล่ตามไป “ทุกกองทัพค่อย ๆ เดินหน้าไปพร้อมกันตรวจทุกตารางนิ้วในอาณาเขตวายุให้แน่ใจว่าไม่มีอสูรตนไหนที่ยังหลบซ่อนอยู่ ภารกิจหลักของพวกเราคือการกำจัดพวกมันให้หมดไปจากอาณาเขตทั้งหลาย!”
ชัยชนะของกองทัพพันธมิตรทำให้กองกำลังที่อยู่ในอาณาเขตอื่น ๆ เริ่มมีขวัญและกำลังใจที่ดีขึ้น พวกเขาต่างนำคนของตัวเองมาร่วมกับหลิงยี่เทียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในสถานการณ์ที่เป็นเช่นนี้มันยิ่งทำให้หลิงยี่เทียนได้รับพลังแห่งความศรัทธามากขึ้นไปเรื่อย ๆ เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)