“เจ้านาย อย่าลืมภารกิจสะสมทรัพยากรของท่านนะ” คำเตือนของภูติน้อยทำให้เจียงหว่านรู้สึกหมดคำพูด
“ตอนนี้ข้าอยู่ในระหว่างการถูกเนรเทศ อีกทั้งพวกเจ้าหน้าที่ไม่ให้คนเดินไปไหนมั่ว ๆ ที่นี่ไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีร้านค้า ข้าจะไปหาของที่ไหนมาสะสมได้”
เจียงหว่านรู้สึกจำใจ ทว่าภูติน้อยยังคงพูดยั่วยวนนาง “หรือว่าเจ้านายไม่อยากมีช่องมิติที่ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ได้งั้นหรือ
พอถึงตอนนั้นไม่ว่าจะข้าวของอะไรก็ไม่มีอะไรที่ท่านหาไม่ได้ มีแต่สิ่งที่ท่านคิดไม่ถึงเท่านั้น”
“พอ!”
เจียงหว่านขัดจังหวะการพูดเป็นน้ำไหลไฟดับของภูติน้อย “ก็ได้ ข้าจะพยายามแล้วกัน”
นางจะหาโอกาสกักตุนในภายหลัง
การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เจียงหว่านไม่ได้ยอมแพ้ ส่วนผู้คนที่ภายในใจมีแต่ความอาฆาตแค้นในตอนนี้ไม่มีใครมีกระจิตกระใจที่จะมาทะเลาะกันเลย
เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนเหมือนว่าขาคู่นี้ไม่ใช่ของตนเอง เจียงหว่านรู้สึกชัดเจนว่าที่ฝ่าเท้าของนางเหมือนมีตุ่มน้ำพอง นางอยากใช้พลังพิเศษของตัวเองให้เดินได้เร็วขึ้น แต่น่าเสียดายที่ทำไม่ได้
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น คนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นกัน โดยเฉพาะเสิ่นเชียนที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แอบมองไปที่ซ่งเฉินที่อยู่ข้างหน้า แล้วแกล้งล้มลงกับพื้น
“อ๊า!”
เสิ่นเชียนล้มลงกับพื้นและร่ำไห้ “เจ็บจังเลย ท่านพี่ ข้าเดินต่อไม่ไหวแล้ว”
เสียงร้องของนางทำให้ทุกคนหันมามอง เดิมทีคิดว่าซ่งเฉินจะดูแลเอาใจใส่อุ้มนางขึ้น แต่ซ่งเฉินกลับขมวดคิ้วและพูดว่า
“เจ้าลุกขึ้นและเดินต่อไปเถอะ ข้าเองก็เดินไม่ไหวแล้ว”
ซ่งเฉินรู้สึกว่าขาของเขาเองกำลังอ่อนแรง จะมีกระจิตกระใจไปห่วงใยภรรยาที่เพิ่งจะแต่งเข้ามาได้อย่างไร
แม้แต่เมียเล็กเมียน้อยที่ถูกเนรเทศพร้อมกันก็ไม่กล้าแสร้งทำตัวอ่อนแอต่อหน้าเขา
เสิ่นเชียนตะลึง น้ำใส ๆ ไหลออกมาจากหางตาของนาง นางไม่คิดว่าซ่งเฉินจะไร้หัวใจเช่นนี้ “ท่านพี่”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาตกอยู่ท้ายขบวนแล้ว ซ่งเฉินก็รีบเร่งเดินไปข้างหน้า
“จะเดินไหม”
เจ้าหน้าที่ใช้แส้ฟาดเสิ่นเชียน เสิ่นเชียนเจ็บปวดน้ำตาไหลและรีบลุกขึ้น
“ข้าเดิน ข้าเดินแล้ว ข้าจะเดินเดี๋ยวนี้”
ความเจ็บปวดจากการถูกเฆี่ยนนั้นทรมานมาก โชคดีที่นางสวย เจ้าหน้าที่คนที่เฆี่ยนนางจึงฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งนางเล็กน้อย จึงไม่ได้เฆี่ยนแรงมากนัก
ทว่าเสิ่นเชียนก็ยังคงกลัวและไม่กล้าที่จะขี้เกียจอีกต่อไป ไม่ได้ถึงกับเดินเร็ว แต่ก็กัดฟันเดินต่อไป
เมื่อมีเสิ่นเชียนเป็นตัวอย่าง ในตอนนี้ทุกคนจึงรู้นิสัยของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ ไม่มีใครกล้าแสร้งทำอีก
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มีใครบางคนใช้วิธีลัด ยัดเงินให้เจ้าหน้าที่เล็กน้อย จึงมีโอกาสได้พักสิบห้านาที
เมื่อหยุดพักเจียงหว่านก็ถือถุงหนังใส่น้ำเดินไปอยู่ด้านหน้าซ่งจิ่วยวน ถึงแม้ซ่งจิ่วยวนจะไม่ชอบเจียงหว่าน แต่เขาก็เบือนหน้าหนีอย่างมีชั้นเชิง
“ดื่มน้ำหน่อยสิ”
เจียงหว่านยังคงจับคางของซ่งจิ่วยวนด้วยท่าทีที่หยาบคาย ซ่งจิ่วยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กระโตกกระตาก และอ้าปากดื่มน้ำไปหนึ่งอึกอย่างเชื่อฟัง
ด้วยความฉลาดของเขาจึงรู้ว่ามีเพียงถุงหนังใส่น้ำใบนี้ที่เป็นน้ำหวาน หากเป็นซ่งจิ่วหลีที่ไม่รู้ประสีประสาคงจะโวยวายไปแล้ว
“ขอบใจ!”
ถึงแม้ว่าจะถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ แต่ในขณะนี้ซ่งจิ่วยวนก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนางไปแล้ว
ดูเหมือนว่านางจะชอบเขาจริง ๆ ดังนั้นแม้จะถูกบังคับให้เนรเทศแต่นางก็ยังห่วงใยเขา หากเขาหายดี แม้จะไม่สามารถมอบความรักให้ได้ แต่เขาจะปฏิบัติต่อนางอย่างดี
เจียงหว่านไม่รู้ว่าซ่งจิ่วยวนคิดไปไกลขนาดนั้น นางเก็บถุงหนังใส่น้ำและพูดข้างหูซ่งจิ่วยวน
“ถ้าเจ้าสามารถกำจัดปลิงพวกนั้นได้ ข้าจะหาวิธีเอาของอร่อย ๆ มาให้ครอบครัวของเจ้า”
ปลิงงั้นหรือ
หมายถึงอาสองกับอาสามงั้นหรือ
ซ่งจิ่วยวนเงยหน้ามอง เห็นว่าอาสองกับอาสามไม่เคยห่วงใยเขาเลยแม้แต่น้อย
นางหมดหนทาง สายตาเว้าวอนมองไปที่เจียงหว่าน
เจียงหว่านก็ลองแตะหน้าผากของซ่งจิ่วยวน ขณะที่สติของเขาเริ่มสลึมสลือ อีกทั้งหลับตาเหมือนกำลังฝันร้าย
เจียงหว่านคิดแผนขึ้นมาได้ “ท่านแม่แถวนี้ไม่มีร้านยา แต่เจ้าหน้าที่เหล่านี้คุ้นเคยกับการส่งนักโทษ มีฝีเท้าที่ดี
ท่านเห็นไหมว่าพวกเขายังดูสดชื่นมาก ถ้าให้เงินพวกเขาสักหน่อย ให้พวกเขาไปเชิญหมอที่หมู่บ้านข้างหน้ามาสักคนก็น่าจะได้นะ”
“ก็จริง แต่…”
ท่านหญิงใหญ่ซ่งน้ำตาคลออีกครั้ง “ทว่าบนตัวข้าไม่มีของมีค่าอะไรเลย เงินก็ยิ่งไม่มี”
ตอนที่ถูกยึดทรัพย์สมบัติพวกเครื่องประดับของนางถูกริบเอาไปหมดแล้ว อย่างอื่นก็ยิ่งไม่ต้องไปกล่าวถึงเลย
“ข้าก็ไม่มี”
ซ่งจิ่วหลีคนใสซื่อและหัวอ่อน จึงไม่มีความคิดที่จะซ่อนเงินทอง และซ่งจิ่วฉือก็เช่นกัน
เจียงหว่านมองไปที่คนในบ้านสองและบ้านสามที่กำลังดูการแสดงอยู่ไม่ไกล “ท่านแม่ อย่างน้อยพวกเขาก็ได้รับการดูแลจากท่านพี่มาหลายปี
ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเขาต้องตอบแทนบุญคุณแล้ว เราไปยืมเงินจากพวกเขาเถอะ”
ตามที่นางรู้จักนิสัยใจคอของคนเหล่านั้น จะต้องปฏิเสธแน่ ๆ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการเสนอเรื่องแยกบ้าน
“ได้ ข้าจะไป”
ท่านหญิงใหญ่ตระกูลซ่งกัดฟัน เพื่อบุตรชาย ต่อให้ต้องทำตัวต่ำต้อยต่อหน้าศัตรูนางก็ไม่เสียใจ
สิ่งที่กลัวคือกลัวว่าลูกของนางจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก
จากนั้นพวกเขาก็รอ รอจนเจ้าหน้าที่ไปปรุงอาหารที่หน้าปากถ้ำ
ท่านหญิงใหญ่ซ่งยังไม่ทันได้กัดหมั่นโถว รีบไปที่ด้านหน้าคนของบ้านสองและบ้านสามทั้งน้ำตา “น้องสอง น้องสาม น้องสะใภ้ทั้งสอง
จิ่วยวนมีไข้ ถ้ายังไม่ถึงมือหมอ ชีวิตเขาคงยากที่จะรักษาไว้ พวกเจ้า…พวกเจ้าจะช่วยจิ่วยวนของข้าได้หรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภารกิจกวาดสมบัติตระกูลที่ถูกล้มล้าง