สำหรับเจ้าหน้าที่แล้ว นี่คือภารกิจของพวกเขา หากไม่ได้ส่งนักโทษไปยังถิ่นทุรกันดารภายในระยะเวลาที่กำหนด พวกเขาก็จะต้องถูกลงโทษ
ดังนั้น เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครมาอำลาอีก เจ้าหน้าที่ก็สะบัดแส้ไล่ทุกคนให้ไปต่อ
คนในบ้านใหญ่เดินอยู่ข้างหลัง โดยเฉพาะซ่งจิ่วฉือที่แบกซ่งจิ่วยวน เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีที่ปกติใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ตอนนี้กำลังหอบเหนื่อย
“จิ่วฉือ เจ้ารอเดี๋ยว”
เจียงหว่านฉวยโอกาสตอนที่เจ้าหน้าที่ไม่ทันสังเกต เรียกซ่งจิ่วฉือเบา ๆ ทว่าเขาเกลียดเจียงหว่านเข้าไส้ จึงเดินเร็วขึ้นและไม่สนใจนาง
ส่วนซ่งจิ่วหลีน้องสาวฝาแฝดของซ่งจิ่วฉือ ในขณะนี้ก็กำลังพยุงท่านหญิงใหญ่ซ่งอยู่ และไม่สนใจเจียงหว่านเช่นกัน
ให้ตายสิ ดูเหมือนว่าไม่มีใครในตระกูลซ่งชอบเจ้าของร่างเดิมเลย
แต่เจียงหว่านไม่สามารถปล่อยให้ผู้มีพระคุณของนางเสียเลือดจนตายได้ ดังนั้นจึงเร่งฝีเท้าตามซ่งจิ่วฉือไป
จากนั้นรีบยื่นขวดยาห้ามเลือดยัดเข้าในมือซ่งจิ่วยวน แล้วพูดเบา ๆ
“ตอนที่หยุดพักพวกเจ้าแอบทายานี่ด้วยนะ”
ถ้าปล่อยไปอีก ซ่งจิ่วยวนอาจจะเสียเลือดจนตาย
“ใครจะรู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไรอยู่!”
ซ่งจิ่วฉือตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ นางอาจจะรักมากแค้นมากจนคิดปองร้ายพี่ใหญ่ของเขาก็เป็นได้
ซ่งจิ่วหลีก็เยาะเย้ยเย็นชา “ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะตัวซวยอย่างเจ้า พวกเราคงไม่โดนเนรเทศ!”
“หุบปาก!”
ท่านหญิงใหญ่ซ่งที่กำลังร้องไห้อยู่เงียบ ๆ จู่ ๆ ก็ดุลูกของนางเอง นางมองซ่งจิ่วยวนที่อยู่ในสภาพสะลึมสะลือด้วยความเจ็บปวดแล้วพูดว่า
“พวกเราอยู่ในสถานการณ์แบบไหนพวกเจ้าเองก็รู้ดี นี่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกันเองงั้นหรือ”
แม้ว่านางจะไม่ชอบเจียงหว่านที่ใช้วิธีไม่ชอบธรรมเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ แต่เมื่อเห็นว่าเจียงหว่านยอมมาร่วมถูกเนรเทศด้วย ก็เริ่มเห็นนางในแง่ดีขึ้นเล็กน้อย
ต่อให้เจียงหว่านไม่ยอมตามมา ก็จะถูกคนของฮ่องเต้จับตัวมาอยู่ดี เพราะพวกนั้นไม่รู้ว่าเจียงหว่านและซ่งจิ่วยวนยังไม่ได้มีความสัมพันธ์กันจริง ๆ และยังกังวลว่าในท้องของเจียงหว่านอาจจะมีสายเลือดของตระกูลซ่งหลงเหลืออยู่
“ท่านแม่ ท่านก็ไม่ชอบนางไม่ใช่หรือ”
ซ่งจิ่วหลีเบะปาก พี่ชายที่หล่อเหลาและสง่างามของนางจำเป็นต้องมาแต่งงานกับเจียงหว่านหญิงที่มากด้วยกลอุบาย เหมือนดอกไม้ที่สวยงามถูกปักลงในขี้วัว!
“แต่นางรักพี่ชายของเจ้าอย่างจริงใจ”
ท่านหญิงใหญ่ซ่งถอนหายใจ ตระกูลของพวกเขาไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว แม้ว่าเจียงหว่านจะนิสัยไม่ดี แต่ก็รักซ่งจิ่วยวนด้วยใจจริง นางจึงพอจะทนได้
ซ่งจิ่วหลีเบะปากด้วยความไม่ชอบ ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของแม่นาง ใครจะไปรู้ ก่อนหน้านี้บางทีเจียงหว่านอาจจะรักเพราะสถานะของพี่ใหญ่ก็ได้
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นพวกนางคุยกัน ก็สะบัดแส้ฟาดลงบนพื้น ทำให้ซ่งจิ่วหลีหวาดกลัวและไม่กล้าพูดอีก
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าบอกว่าเดินไม่ไหวและอยากพัก แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ฟาดด้วยแส้อย่างแรงหลายครั้ง
“แค่เดินไม่กี่ก้าวก็อยากพักแล้ว!!!”
เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ลังเลที่จะฟาดอีกหลายต่อหลายครั้ง นี่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูชัด ๆ ทำให้คนอื่นไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก
“โอ๊ย ๆ ๆ”
เด็กหนุ่มคนนั้นที่ถูกฟาดจนเลือดออกทั้งตัวไม่กล้าพูดอีก ได้แต่ทนเจ็บและเดินต่อไป
เจียงหว่านเดินอยู่ข้างหลังสุดและไม่พูดอะไรอีก เดินต่อไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า เจียงหว่านก็สังเกตเห็นว่าขาของซ่งจิ่วฉือเริ่มสั่น แต่กลัวว่าจะโดนตีจึงไม่กล้าพูด ได้แต่กัดริมฝีปากและฝืนทน
โชคดีที่เจ้าหน้าที่หยุดพักพอดี หัวหน้าเจ้าหน้าที่แซ่เริ่นที่ชื่อเริ่นปังทำหน้าตาเคร่งขรึมแล้วพูดว่า
“พักกินมื้อเที่ยงที่นี่!”
สิ้นคำพูด ทุกคนที่เดินจนแข้งขาอ่อนแรงจึงกล้าที่จะหยุดพัก แต่ละคนต่างก็อ่อนล้าลงไปกองกับพื้น ผู้คนจำนวนมาก ดูยิ่งใหญ่ตระการตา
เจียงหว่านมองซ่งจิ่วยวนที่มีอาการสะลึมสะลือ แล้วเตือนด้วยความหวังดีว่า “ยาห้ามเลือดนั่นข้าเป็นคนแอบเอามาเอง ไม่มีพิษ”
“จิ่วฉือ ทายานี้ให้พี่ของเจ้าด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภารกิจกวาดสมบัติตระกูลที่ถูกล้มล้าง