เข้าสู่ระบบผ่าน

ภารกิจกวาดสมบัติตระกูลที่ถูกล้มล้าง นิยาย บท 3

“ยวนเอ๋อร์ของแม่!”

ขณะนี้ท่านหญิงใหญ่ซ่งที่เป็นลมไปได้สติขึ้นมาแล้ว มองไปที่ซ่งจิ่วยวนที่อยู่ในสภาพสาหัส น้ำตาของนางก็ไหลพราก

บาดแผลบนตัวลูกชายเจ็บปวดไปถึงใจของแม่ ท่านหญิงใหญ่รีบสั่งสาวใช้ไปเอายามา แต่ขณะนี้ในจวนไม่มียาหลงเหลือเลย

ถึงต่อให้มียา ทหารรักษาพระองค์ชั่วช้าพวกนั้นที่กำลังมองผู้อื่นด้วยสายตาดูถูก ก็ไม่ยอมให้พวกนางใช้อยู่ดี

เหตุการณ์มันวุ่นวายมาถึงขั้นนี้แล้ว ทหารรักษาพระองค์ไม่มีทางปรานีแน่นอน เจียงหว่านรู้สึกโชคดีที่ซ่งจิ่วยวนเพียงแค่ถูกปลดจากตำแหน่งอ๋องแล้วลดชั้นเป็นสามัญชน

หากต้องกลายเป็นนักโทษที่ถูกประทับตราทาส เจียงหว่านจะต้องหนีไปทันที อย่างมากก็แค่กลับมาตอบแทนบุญคุณในภายหลัง!

“เร็วเข้า ทุกคนเปลี่ยนเป็นผ้าป่าน!”

เจ้าหน้าที่ที่เข้ามารับช่วงต่อน้ำเสียงโหดเหี้ยมพร้อมกับโยนเสื้อผ้าให้พวกนางคนละชุด ผู้คนในจวนมักจะสวมผ้าไหมซึ่งถือว่าเป็นของมีค่าเช่นกัน

ผ้าป่านพวกนี้ไม่เหมาะที่จะสวมใส่ไปไหนมาไหน แม้ว่าทุกคนจะไม่เต็มใจเพียงใด พวกเขาก็ทำได้เพียงเชื่อฟังและสวมใส่ผ้าป่านหยาบ ๆ

ซ่งจิ่วยวนเป็นข้อยกเว้น เพราะเสื้อผ้าของเขาเปื้อนเลือดจนดูไม่เป็นทรงแล้ว จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็แทบไม่ต่างกัน

หลังจากที่ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นผ้าป่านหยาบ ๆ แล้ว ก็ถูกไล่ออกจากจวนด้วยท่าทีที่หยาบคาย สิ่งที่ต้อนรับพวกเขาคือผักและไข่เน่า ๆ จากประชาชนในเมือง

“สมน้ำหน้า คิดจริง ๆ หรือว่าชนะสงครามแล้วจะได้เป็นฮ่องเต้”

“กรรมตามสนองแล้ว ขุนนางผู้นี้เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา พวกเราทุบแรง ๆ เลย”

“ข้าสาปแช่งให้พวกมันไม่ตายดี!”

“…”

คำพูดรุนแรงดังเข้าโสตประสาทของทุกคน เจียงหว่านเพิ่งเข้ามาพัวพัน จึงไม่ค่อยโดนอะไรมากนัก แต่ทุกคนในจวนต่างก็โดนทุบตีเป็นผักปลา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซ่งจิ่วยวน เขาคิดว่าเขานั้นทุ่มเทเพื่อปกป้องประชาชน แต่สุดท้ายก็ถูกคนเหล่านี้ด่าทอ เขาโกรธจนลมจับ

“พี่ใหญ่!”

ซ่งจิ่วฉือที่กำลังแบกซ่งจิ่วยวนรู้สึกตกใจมาก เจียงหว่านจึงรีบเข้ามาช่วยกันบังผักเน่าที่ถูกโยนมา แต่น่าเสียดายที่คนในจวนไม่ได้มองนางดีขึ้นเลย

ทุกคนต่างก็ดูแลแต่ตัวเอง ร่างกายที่อยู่ดีกินดีจึงรับกับเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้ เลยพากันร้องไห้อย่างหนัก

การเดินทางออกจากเมืองจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก เมื่อมาถึงประตูเมือง ร่างกายของทุกคนก็ถูกทุบตีจนหมดสภาพ

เจ้าหน้าที่ที่คุมตัวพวกนางแน่นอนว่าไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์ นอกจากจวนของพวกเขาแล้ว ยังมีผู้คนจากตระกูลอื่นที่ถูกเนรเทศด้วยข้อหาอื่น ๆ อีกด้วย

คนจำนวนนับร้อยเดินออกจากเมืองไปอย่างช้า ๆ ไม่นานนักก็มาถึงศาลานอกเมือง ที่ศาลานอกเมืองแห่งนี้มีไว้เพื่อให้ญาติพี่น้องมาอำลา นี่เป็นความหวังเดียวของพวกนาง

เจ้าหน้าที่ก็ไม่ขัดขวาง โดยทั่วไปแล้วคนเหล่านี้มักจะนำเงินมาให้ แต่สุดท้ายก็เข้ากระเป๋าของพวกเขาอยู่ดี ทำให้พวกเขาเองก็จงใจถ่วงเวลาออกไปเรื่อย ๆ

ทุกคนเฝ้ารอคอยญาติพี่น้องของตนด้วยความหวัง มีครอบครัวของพวกผู้หญิงทยอยนำเงินมามอบให้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลายคน

ในขณะนี้คนของตระกูลเสิ่นก็มา คนตระกูลเสิ่นให้ความสำคัญกับเสิ่นเชียนมาก แม่ของนางให้คนส่งห่อของขนาดใหญ่มาให้

สีหน้าของนายหญิงดูดีขึ้นมาก เมื่อรับห่อของ เสิ่นเชียนที่ทุลักทุเลก็เริ่มรู้สึกว่าตนเป็นที่สนใจอีกครั้ง ก่อนจะจงใจมองไปที่เจียงหว่านอย่างเยาะเย้ย

“ดูเหมือนว่าแม่ของข้ายังคงคิดถึงข้าอยู่ ไม่เหมือนบางคนที่จะจากไปแล้ว ก็ยังไม่เห็นเงาของคนในตระกูลสักคน”

นี่เป็นการตั้งใจเยาะเย้ยเจียงหว่านอย่างชัดเจน แต่เจียงหว่านไม่สนใจ เพียงแค่ช่วยเช็ดหน้าของซ่งจิ่วยวนที่สลบไสลอย่างระมัดระวัง

“คนของจวนซ่างซู”

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอ่ยขึ้นมา แต่เห็นจากระยะไกลว่าเป็นรถม้าของจวนซ่างซู ทุกคนก็ตกใจพากันมองไปที่รถม้าด้วยความคาดหวัง

แม้กระทั่งนายหญิงเองก็แอบยิ้มอย่างขมขื่น ไม่คิดว่าพวกนางจะตกอยู่ในสภาพต้องรอพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อื่น

เมื่อรถม้ามาหยุดลงตรงหน้า กลับมีเพียงเด็กสาวคนหนึ่งโผล่ออกมา เด็กสาวคนนี้ดูแปลกหน้าแปลกตา ในความทรงจำของเจียงหว่านไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

“ท่านแม่ของข้าพูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ พวกเราคงไม่ต้องถูกเนรเทศ”

“ข้าไม่อยากถูกเนรเทศ ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ ทั้งหมดมันเป็นเพราะพวกท่าน!”

“…”

คนจากบ้านสองและบ้านสามพากันกล่าวโทษบ้านใหญ่ นายหญิงก็ยืนมองอย่างนิ่งดูดายแสดงถึงความลำเอียงอย่างชัดเจน

ท่านหญิงใหญ่ซ่งที่สุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว เกือบจะเป็นลมด้วยความโกรธ ส่วนซ่งจิ่วฉือเจ้าเสือโคร่งน้อยถ้าไม่ใช่เพราะแบกซ่งจิ่วยวนเอาไว้คงจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว

เจียงหว่านมองใบหน้าที่น่าเกลียดของคนเหล่านี้ด้วยความเย็นชา “ตอนที่สามีของข้าได้รับตำแหน่งเป็นอ๋อง ทำไมไม่เห็นพวกเจ้ากล่าวโทษบ้านใหญ่ของเราล่ะ

พอตอนนี้ถึงคราวซวย อ๋อ ก็เลยโทษบ้านใหญ่ของเรางั้นสิ คิดจะขู่พวกเราหรือ ฝันไปเถอะพวกเจ้า!”

คำพูดหยาบคายเข้าหูซ่งจิ่วยวนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา หนังตาเขากระตุก ไม่คิดว่าภรรยาของเขาจะมีคำพูดที่คมคายขนาดนี้

แต่ว่า ด่าได้สะใจมาก!

เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายส่วนล่างเจ็บปวดจนสั่นสะท้าน ทว่าคนเหล่านั้นที่คอยแต่จะหาประโยชน์จากเขาไม่มีใครสนใจเขาเลย

ที่ว่ากันว่าจิตใจคนมันน่ากลัวคงจะไม่เกินจริง

“ยวนเอ๋อร์!”

ร่างกายที่อ่อนแอของท่านหญิงใหญ่ซ่งพยายามลุกขึ้นเดินมาหาซ่งจิ่วยวน พร้อมน้ำตาที่รินไหล

แม่คนงามนี่ก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ เจียงหว่านรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ส่วนเสิ่นเชียนก็โกรธจนควันออกหูจากคำพูดของนาง

กำลังอ้าปากจะเถียงเจียงหว่าน เจ้าหน้าที่ที่ยืนดูเหตุการณ์ก็พูดขึ้นมาด้วยถ้อยคำหยาบคาย

“ทุกคนหุบปาก แล้วเดินต่อไปได้แล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภารกิจกวาดสมบัติตระกูลที่ถูกล้มล้าง