พ่ายรัก นิยาย บท 50

"ตอนนี้เราได้ถ่ายเกล็ดเลือดให้เด็กแล้ว แต่ต้องรอดูอาการไปสักระยะก่อน ถ้าเด็กฟื้นตัวได้ หมอถึงจะให้ย้ายออกมาอยู่ที่ห้องพักฟื้น"

คำว่ายกภูเขาออกจากอกมันยังน้อยไปสำหรับเนตรนภา..เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอพูด

หญิงสาวไม่รู้จะขอบคุณพวกเขายังไงดี ถึงแม้อนาคตข้างหน้าเธอจะไม่ได้เลี้ยงลูกเอง เพราะพวกเขาคงไม่ปล่อยเลือดเนื้อเชื้อไขให้มาตกระกำลำบากกับแม่ที่อดมื้อกินมื้อแบบเธอ

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป.. และตอนนี้ก็ค่ำมากแล้ว

คืนนี้เนตรนภาขอเฝ้าลูกอยู่ที่หน้าห้อง ICU โดยขอร้องให้พวกเขากลับไป แต่คันศรไม่กลับ เขาให้ธนูพาแม่กลับบ้านไปพักผ่อนก่อน ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงนั้น เขาอยากจะพูดอะไรกับเธอหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง

"คุณหิวไหม" คำแรกที่พ่อของลูกพูดกับเธอ เพราะเขายังไม่เห็นเธอกินอะไรมาทั้งวัน

"ไม่ค่ะ ถ้าคุณหิวคุณก็ไปกินเถอะ"

"คุณยังไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันทำไมไม่หิว"

"ความหิวแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก" เพราะเธออดทนกับความหิวจนมันชินชาแล้ว

"เดี๋ยวผมกลับมา" จบคำพูดคันศรก็ตรงไปที่ลิฟต์

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป..

ชายหนุ่มกลับมาพร้อมกับอาหารที่อยู่ในมือ และถุงผ้า เขายื่นมันให้เธอ

เนตรนภามองสิ่งของที่เขายื่นมาให้

"กินข้าวแล้วเข้าไปอาบน้ำในห้อง ถ้าง่วงก็นอนไปก่อน ผมจะเป็นคนเฝ้าเอง"

เธอรับทุกสิ่งที่เขายื่นมาให้โดยไม่ปฏิเสธ และทำตามที่เขาบอก เพราะตอนนี้ก็เริ่มจะไม่มีแรงแล้ว ถ้าลูกฟื้นมาเห็นสภาพแม่เป็นแบบนี้แกคงจะไม่สบายใจ

หญิงสาวแอบสงสัยทำไมเขาถึงรู้สัดส่วนของเธอ เพราะเสื้อผ้าที่ซื้อมามันพอดีทั้งชั้นนอกและชั้นใน

พอทำทุกอย่างเสร็จ เนตรนภาก็กลับออกมา จะให้เธอนอนคงไม่หลับถ้าไม่เห็นว่าลูกปลอดภัยจริงๆ

หญิงสาวเดินมานั่งลงที่เดิม โดยไม่พูดคุยอะไรกับเขา ชายหนุ่มก็ไม่พูดทั้งสองมีแอบมองกันอยู่บ้าง

หลายชั่วโมงผ่านไป.. และตอนนี้ฟ้าก็เริ่มสาง

เนตรนภาตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนหนุนตักเขาอยู่ ทั้งๆ ที่ ก่อนที่เธอจะเผลอหลับไป เขานั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง แต่ทำไมพอตื่นขึ้นมา...

หญิงสาวค่อยๆ ดันตัวให้ลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ

"ขอโทษค่ะ" เนตรนภาขอโทษเขาที่เผลอไปนอนหนุนตัก หญิงสาวรีบขยับออกห่าง เพราะกลัวเขาจะรังเกียจในตัวเธอ

"หิวยัง"

"คะ?..เอ่อ..ไม่ค่ะ" หญิงสาวตกใจคำถาม ทำไมเขาชอบถามเธอว่าหิวไหม..หิวหรือยัง แต่มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่น เพราะไม่เคยมีใครถามเธอแบบนี้

สายๆ ของวันเดียวกัน..

"พี่นภา"

"ชบา" เนตรนภาได้ยินเสียงที่คุ้นหูเรียกชื่อ..เธอรีบมองไปตามต้นเสียงนั้น

"พี่เป็นยังไงบ้างคะ ชบาเพิ่งรู้ข่าวจากคุณธนูเมื่อคืนนี้เอง"

"พี่ยังไหว" น้ำตาแห่งความตื้นตันได้ไหลลงมาแบบบังคับมันไม่อยู่

"ไหวแบบไหนทำไมร้องไห้" ช่อชบายื่นมือไปซับน้ำตาให้แบบอ่อนโยน เธอซึ้งในน้ำใจของเนตรนภาตั้งแต่ตอนที่ช่วยเธอไว้แล้ว

แฝดพี่และแฝดน้องต่างก็ได้แต่ยืนมองที่ทั้งสองปลอบกัน

"ว่าไงพี่..มาแรงแซงทางโค้งเลยนะเรา" ธนูพูดแซวพี่ชาย เพราะทีแรกเขาคิดว่าเขาจะนำหน้า แต่ที่ไหนได้พี่ชายแซงทางโค้งไปไกลมากแล้ว.. ลูกชายโตจนเข้าอนุบาล

"ยังจะมาพูดเล่นอีก แล้วทำไมไม่อยู่บริษัท แม่ก็ยิ่งไม่มีแรง"

"ก็คุณภรรยาน่ะสิอยากจะมาเยี่ยม..ผมไม่กล้าปล่อยมาคนเดียวหรอก"

"คุณธนูกลับไปก่อนก็ได้นะคะ ชบาจะอยู่เป็นเพื่อนพี่นภา"

"ไม่ได้"

เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ เกษรก็ได้เข้ามาสมทบอีกคน

"คุณแม่"

"หนูชบาก็มาเหรอลูก" นางรีบเดินเข้ามาหาช่อชบา เพราะไม่อยากจะให้ลูกสะใภ้ลุกขึ้นต้อนรับ

"มาได้สักพักแล้วค่ะ"

"ทำไมแม่ไม่พักผ่อนให้เยอะๆ" คันศรกลัวว่าแม่จะเหนื่อยมากเกินไป

"แม่เป็นห่วง.." นางอยากจะบอกว่าเป็นห่วงหลานมาก แต่ก็เกรงใจแม่ของหลาน "ได้ทานอะไรกันบ้างหรือยังล่ะ" เกษรเปลี่ยนเรื่องคุย หันมาถามเนตรนภาบ้าง

"ยังไม่หิวค่ะ" ที่จริงน้อยมากที่เธอจะทานข้าวเช้าเพราะส่วนมากจะทานตอนเที่ยงและเย็น เนตรนภาแทบไม่รู้จักข้าวเช้าเลยด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าข้าวเช้าจะสำคัญมาก สำคัญกว่าทุกมื้อ..แต่เธอก็ยอมอดเพื่อที่จะให้ลูกได้อิ่ม เธอทำแบบนี้มาจนชิน

เที่ยงวันเดียวกัน..

ตอนนี้ธนูพาภรรยากลับไปพักผ่อน เพราะเขาต้องได้เข้าบริษัทด้วย

"หมอว่ายังไงบ้างลูก" แพทย์เฉพาะทาง..เรียกพ่อของเด็กเข้าไปพบ

ถึงแม้เนตรนภาไม่ได้ถามแต่เธอก็รอฟังแบบใจจดใจจ่อ ว่าหมอพูดอะไรกับเขาบ้าง

"เดือนหน้าอาจจะได้ขอเกล็ดเลือดจากแม่อีกครั้ง" ชายหนุ่มยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ..แต่แม่เขาก็พูดแทรกขึ้นก่อน

"ได้สิ"

"แต่แม่ครับ" เขาก็เป็นห่วงแม่ไม่แพ้กัน เพราะร่างกายของแม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว

"ไม่เป็นไรหรอกลูก"

เนตรนภาได้แต่แอบเช็ดน้ำตาตัวเอง เพราะเธอไม่รู้จะพูดคุยอะไรกับพวกเขา และไม่กล้าเสนอหน้าพูดออกไปด้วย

"ตั้งแต่มาถึง..แม่ยังไม่เห็นพวกเราไปทานข้าวกันเลย"

ที่จริงคันศรก็หิวมากแล้ว แต่เห็นว่าเธอยังไม่ได้กิน..เขาเป็นผู้ชายจะให้ไปกินคนเดียวได้ยังไง

ร้านอาหารในโรงพยาบาล..

"ขอพะแนงเนื้อราดข้าวค่ะ"

แม่ค้าก็ตักราดข้าวให้แบบง่ายๆ เนตรนภารับจานข้าวนั้นแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ

"เอาเหมือนคนเมื่อกี้ครับ" เขาไม่รู้ว่าจะสั่งยังไง ที่จริงอยากจะชวนเธอออกไปทานข้างนอก แต่ก็ไม่กล้าชวนก็เลยต้องได้เดินตามมา

หญิงสาวนั่งลงก็เริ่มทานโดยที่ไม่รอเขาเลย

ชายหนุ่มเอาจานข้าวมาวางลง ก็เห็นว่าเธอยังไม่มีน้ำดื่ม เขาก็เลยเดินไปซื้อน้ำมาสองขวด

พอวางน้ำลงเธอก็อิ่มพอดี เนตรนภาลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทิ้งให้เขานั่งมองอยู่แบบนั้น

"ทำไมทานเสร็จเร็วจังเลยล่ะลูก" เกษรเห็นลูกชายเดินตามหลังเนตรนภามาก็เลยถาม เพราะทั้งสองเพิ่งจะลงไปกันเมื่อไม่นานนี้เอง

ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ก็แอบมองหน้าเธอ ที่จริงเขายังไม่ได้ทานหรอก พอเธอออกมาเขาก็เดินตามมาเลย

จังหวะนั้นหมอก็ออกมาจากห้อง เพื่อแจ้งญาติคนไข้

"คุณหมอคะครรชิตเป็นยังไงบ้าง" เนตรนภารีบเดินเข้าไปถาม

"เดี๋ยวอีกสักครู่หมอจะให้เด็กออกมาพักที่ห้องพักฟื้นที่เตรียมไว้"

"แสดงว่าลูกของฉันปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ"

"ตอนนี้อาการของน้องดีขึ้นมากแล้ว.. แต่หมออยากจะให้ผู้ปกครองดูแลเด็กแบบใกล้ชิดหน่อยนะ อาการของเด็กเหมือนจะซึมเศร้าไป"

"ค่ะ" เนตรนภาถึงกับน้ำตาคลอ เมื่อรู้ว่าลูกของเธอมีอาการซึมเศร้าด้วย เพราะเธอไม่มีเวลาให้กับลูกเลย ได้แต่ฝากไว้กับคนนั้นทีคนนี้ที

..ห้องวีไอพี..

"แม่ครับ" พอครรชิตถูกเข็นเข้ามาในห้องเนตรนภาก็รีบเข้าไปรับลูก

ทั้งสองกอดกันอยู่สักพักเด็กน้อยก็นึกสงสัยว่าคนที่อยู่ในห้องเป็นใคร

"ท่านคือเจ้าของบริษัทที่แม่ทำงานอยู่จ้า" เธอบอกลูกไปเสียงแผ่วเบา ถ้าไม่แนะนำแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะแนะนำยังไง

"เรียกคุณย่าก็ได้ครับ" เกษรเดินเข้ามาลูบผมเด็กชายตัวน้อยๆ ด้วยรอยยิ้ม

ครรชิตมองดูหน้าแม่ เพราะเขาไม่กล้าเรียกถ้าแม่ไม่อนุญาต

"คุณย่า" ครรชิตพูดออกมาเบาๆ เพราะดูหน้าตาของแม่แล้วเหมือนแม่ไม่ห้ามที่เขาจะเรียกแบบนี้

"คนนี้เป็นลูกชายของย่าจ้า ถ้าหนูเรียกย่าแล้ว..หนูต้องเรียกคนนี้ว่าพ่อนะ" จบคำพูดของเกษรเนตรนภาถึงกับมองหน้านาง

ไม่ใช่ว่าเธอจะดีใจอะไร..แต่หัวใจแทบจะหยุดเต้นด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะแย่งลูกไป

"พ่อ?" เด็กน้อยถามออกมาแบบงงๆ เพราะความหมายของคำว่าพ่อเขารู้ดี แต่ก็ไม่เคยใช้คำนี้กับใครเลย

เวลาเห็นพ่อกับแม่ของเพื่อนๆ มารับที่โรงเรียน ครรชิตแอบไปนั่งหลบมุมร้องไห้ เขาเคยฝันไปว่าอยากจะให้พ่อกับแม่มารับที่โรงเรียนเหมือนเพื่อนๆ บ้าง

คันศรไม่กล้าบอกให้ลูกเรียกตัวเองว่าพ่อ เพราะเขาไม่สมควรที่จะเป็นพ่อของใคร เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีเด็กคนนี้เกิดมาบนโลกนี้

"แม่ครับผมอยากอยู่คนเดียว" ครรชิตรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะเด็กมาก แต่ก็รู้เรื่องอะไรหลายๆอย่าง เพราะเด็กน้อยกลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่มีคนพวกนี้ หรือตอนนี้เขาอาจจะกำลังฝันไปก็ได้

"ครรชิต" น้ำตาของผู้เป็นแม่ไหลลงมาโดยกลั้นไม่อยู่ เพราะเธอรู้ว่าลูกกำลังคิดอะไร "แม่ขอโทษ" คำขอโทษที่ออกมาจากปากแม่..ถ้าไม่ตั้งใจฟังจริงๆ ก็คงไม่ได้ยิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรัก