"เด็กคนนี้ลูกใคร?"
"ไหนบอกเป็นแฟนกันไง ลูกชายของแฟนยังไม่รู้จัก" เกษรอดที่จะเหน็บแนมลูกชายไม่ได้ ที่จริงนางก็เพิ่งจะเห็นเด็กคนนี้เมื่อไม่กี่วันนี่เอง แต่ก็ไม่ได้สนใจดูหน้าเด็กชัดๆ
ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะนางไม่สามารถที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปได้ ก็เลยให้คนไปแอบดูชีวิตประจำวันของเนตรนภามาบ้างแล้ว
พอได้ยินแม่พูดชายหนุ่มก็วางไอแพดนั้นลง และเปิดแฟ้มเอกสารทำงานต่อเหมือนไม่สนใจ ถึงแม้ว่าหน้าเด็กคนนั้นจะลอยมาในโสตประสาทของเขาก็ตาม
หลายวันต่อมา..
พอข่าวเรื่องแฟนสาวของคันศรดังมากขึ้น..นักข่าวก็เริ่มจับตาทางครอบครัวของเนตรนภา และขุดคุ้ยไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าเนตรนภาเป็นเด็กกำพร้า ช็อตเด็ดของเรื่องนี้ก็คือเนตรนภาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
"มีคนแปลกๆ มาขอคุยกับน้องครรชิตด้วยค่ะคุณแม่"
"ไม่ต้องให้พวกเขาได้คุยกับน้องนะคะ ห้ามใครถ่ายรูปน้องด้วย" ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เห็นรูปหลุดของลูกชายออกไปบ้างแล้ว แต่โชคดีที่เห็นหน้าไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
"พวกพี่ๆ เขาใจดีครับแม่ มีขนมมาให้ผมด้วย" เด็กน้อยไม่เคยมีใครเข้ามาพูดหรือคุยด้วย นอกจากครูและเพื่อนๆ ในห้องเรียน ครรชิตเริ่มตื่นเต้นที่มีคนซื้อขนมมาให้
"แม่สอนลูกว่ายังไง! ห้ามคุยกับคนแปลกหน้าใช่ไหม แล้วเขาเอาอะไรมาให้กินลูกก็รับหมดเลยเหรอ" เนตรนภาเริ่มตำหนิลูกชาย
เด็กชายไม่เคยถูกแม่พูดเสียงดังใส่ขนาดนี้ ถึงกับไม่กล้าพูดไม่กล้าสบตาแม่ เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าตัวเองทำผิด
เช้าวันต่อมา..
เนตรนภาก็มาทำงานปกติ ก่อนจะมาที่ทำงานเธอได้พาลูกชายไปฝากที่โรงเรียนอนุบาล ครรชิตต้องได้ไปโรงเรียนเช้ากว่าเพื่อนแบบนี้ทุกวัน เพราะไม่งั้นแม่ของเขาก็จะมาทำงานสาย..เด็กน้อยจึงไม่งอแงเรื่องนี้
พอส่งลูกเสร็จ..เนตรนภาก็ต้องได้รีบขับรถตรงมาที่บริษัท ถึงรีบแค่ไหนก็ยังสายเกือบทุกวัน
"ผู้จัดการ..วันนี้มีการประชุมเช้านะ คุณจะให้ในที่ประชุมรอคุณแค่คนเดียวแบบนี้ไม่ได้" เกษรเริ่มกดดันเนตรนภา..
ในมุมหนึ่งของคนๆ หนึ่งก็ต้องมีมุมมืดบ้าง..มุมมืดของเกษร ก็คือรับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะนางคิดว่าเนตรนภาไม่เหมาะสมกับลูกชายของนางเลย
ไม่เหมาะสมในที่นี้ไม่ได้เกี่ยวกับฐานะความยากจน เรื่องนั้นเกษรไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ที่นางสนใจก็เรื่องลูกชายของเนตรนภา เพราะกลัวว่าอนาคตจะมีปัญหาตามมา
"ขอโทษค่ะ" เนตรนภาแอบสงสัยทำไมประชุมเช้าขนาดนี้ และในที่ประชุมก็มากันครบแบบไม่มีใครสายเลย หรือท่านจงใจ..
เวลาผ่านไป.. การประชุมได้มาถึงช่วงสุดท้าย ช่วงที่แจกจ่ายงานให้กับผู้บริหารของบริษัทแต่ละแผนก
"เอ่อ..คือ" พอกระดาษแผ่นนั้นถูกยื่นมาด้านหน้าหญิงสาวถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
"ถ้าคุณทำไม่ได้ ฉันจะได้มอบหมายให้คนอื่นทำ" มันคือเสียงของคนที่ใหญ่ที่สุดในห้องประชุมนี้
"ทำได้ค่ะ" เนตรนภาต้องได้ไปติดต่องานที่ต่างจังหวัด ถ้าเธอไปแล้วลูกจะอยู่กับใคร แต่ทิ้งงานก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าท่านจงใจจะเล่นงาน
แว๊บหนึ่ง..แววตาเศร้าดวงนั้นได้มองไปดูที่ต้นเหตุ แต่เหมือนเขาไม่สนใจ ทั้งๆ ที่เขายัดเยียดความลำบากนี้มาให้เธอแท้ๆ
เย็นวันนั้น..
"แม่ฝากป้าหมอนไว้แล้วนะจ๊ะ หนูห้ามดื้อกับป้านะ แม่ต้องได้ออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด พี่เลี้ยงจะมารับหนูจากป้า..แล้วตอนเย็นหนูอย่างอแงนะลูก" เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้มันไหลออกมาให้ลูกเห็น เพราะตั้งแต่ครรชิตเกิดมา ทั้งสองเคยแยกกันนอนแค่ครั้งเดียว ก็ตอนที่เนตรนภาไปเฝ้าช่อชบาที่โรงพยาบาล ตอนนั้นเธอก็ไม่ค่อยสบายใจที่ได้ฝากลูกไว้กับพี่เลี้ยงเด็ก
"คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมครับ ผมอยู่ได้" คำพูดคำจาของครรชิตเหมือนผู้ใหญ่มาก ทั้งๆ ที่ในมือยังถือของเล่นเด็กผู้ชายอยู่เลย
"ครรชิต.. อดทนอีกหน่อยนะลูก หนูทนได้ใช่ไหม" หญิงสาวคว้าลูกเข้ามากอดไว้แนบอก มันทรมานมากที่ต้องได้ห่างไกลลูกอันเป็นแก้วตาดวงใจ ทั้งสองมีแค่กันและกัน
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเอาลูกไปด้วย แค่โรงเรียนอนุบาลถ้าจะนำไปด้วยก็คงลาได้ แต่เหมือนถูกกดดันจากคนที่มีอำนาจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรัก
เนื้อเรื่องยาวกว่านี้จะดีมากคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ...