"นี่เบาะเสริมเหรอคะ" หญิงสาวมองเก้าอี้ที่ใช้สำหรับนั่งอยู่กับบ้าน แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไม่มีที่ให้นั่ง
กระเป๋ารถเมล์วางเก้าอี้ไว้ตรงกลางระหว่างทางเดินเพื่อให้เธอนั่ง
พอรถออกตัวเนตรนภาต้องได้รีบหาที่เกาะ เพราะกลัวว่าจะหงายหลังลงไป เวลาที่มีใครเดินผ่านเธอต้องได้ลุกขึ้นแล้วยกเก้าอี้ออกจากทางเดิน หญิงสาวทำแบบนี้จนถึงจุดหมายปลายทาง..
"ยังเจ็บไหม" กระเป๋ารถเมล์เป็นห่วงก็เลยมาถามดู เพราะมีจังหวะหนึ่งที่รถเบรคกระทันหันหญิงสาวคว้าเบาะข้างไว้ไม่ทันจนหัวทิ่มลงไป
"ไม่เจ็บค่ะ" ที่จริงเธอเจ็บมาก ตอนนี้รู้สึกขัดเข่าขึ้นมาเพราะมันกระแทกที่พื้น รวมทั้งอุ้งมือก็มีรอยถลอก
พอลงจากรถเนตรนภาก็รีบตรงไปเรียกแท็กซี่ ตอนนี้ก็เริ่มสว่างมากแล้ว
"ป้าคะน้องครรชิตไปไหน"
"นภา?!" ป้าหมอนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นแม่ของเด็กโผล่หน้ามาโดยไม่โทรมาบอกก่อนว่าจะกลับ
"ลูกของนภาอยู่ไหนป้า" ถามออกมาแทบไม่เป็นคำพูด เพราะมันสั่นไปหมดทั้งตัว
"ไปโรงเรียนแล้ว"
เนตรนภามองดูนาฬิกามันยังเช้ามาก แต่ในเมื่อป้าบอกว่าครรชิตไปโรงเรียนแล้วหญิงสาวก็รีบวิ่งตามหลังแท็กซี่คันเมื่อกี้มา จนลืมไปว่ารถตัวเองก็จอดอยู่ในบ้านข้างเคียงกันนี่เอง
@โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง..
"น้องครรชิตยังไม่มานี่คะคุณแม่" ครูอนุบาลเพิ่งจะเดินออกมาเปิดประตู เพราะมันเช้ามากครูก็เพิ่งจะถึงโรงเรียน
"ลูกฉันไปไหน" ช่อชบามือไม้สั่นไปหมด เธอรีบกดโทรศัพท์ไปหาพี่เลี้ยงใหม่อีกครั้ง ที่จริงเธอโทรหาพี่เลี้ยงตลอดแต่ก็ไม่รับสาย
"ครรชิตอยู่ไหนลูก" หญิงสาววิ่งร้องไห้กลับมาขึ้นแท็กซี่คันเดิม เพื่อที่จะไปดูบ้านพี่เลี้ยง
@บ้านที่ฝากเลี้ยงเด็ก
ก๊อก!! ก๊อก!!
เนตรนภายืนเคาะประตูอยู่ตรงนั้นเพียงไม่นานพี่เลี้ยงเด็กก็เปิดประตูออกมา
"ขอโทษด้วยค่ะเมื่อคืนนี้ดื่มหนักไปหน่อย" นี่คือเหตุผลที่พี่เลี้ยงเด็กไม่รับปากว่าจะรับน้องครรชิต เพราะว่ามีนัดเลี้ยงวันเกิดกับเพื่อน
"น้องครรชิตล่ะคะ"
"ยังไม่ได้ไปรับเลยค่ะ" พี่เลี้ยงเด็กก็ตกใจกับคำถามนี้เหมือนกัน
"ลูกฉันไปไหน!" เนตรนภาแทบสติแตก เพราะเธอฝากลูกหลายต่อเกินไปก็เลยจับจุดไม่ได้ว่าลูกหายอยู่ที่ใครกันแน่
หญิงสาววิ่งกลับมาที่แท็กซี่คันเดิมให้กลับมาส่งที่บ้านของป้า
"ป้าบอกความจริงมาลูกฉันอยู่ที่ไหน!!" เธอยังไม่จ่ายค่าแท็กซี่ด้วยซ้ำก็รีบตรงดิ่งเข้าไปในบ้านของป้าข้างบ้านนั้นทันที
"เอ่อ..อยู่.."
"อยู่ไหนบอกมาเดี๋ยวนี้!!" หญิงสาวกระชากแขนป้าอย่างแรง เพราะความขาดสติ
"อยู่โรงพยาบาล"
"ลูกฉันเป็นอะไร" หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นตรงนั้นเพราะขาไม่มีแรงจะยืนอีกต่อไป
@โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง
"เด็กถูกทำร้ายร่างกายและเกล็ดเลือดของเด็กก็ต่ำมาก เลยมีอาการช็อก"
"ไม่นะ!!" เนตรนภาหมดสติไปกับที่ จนต้องได้รีบพาเข้าห้องพยาบาล..แต่เพียงไม่นานเธอก็ฟื้นสติกลับคืนมา เพราะลูกกำลังต้องการความช่วยเหลือ
"ฉันขอไปหาลูกก่อนได้ไหม" แรงก็ไม่มีจะลุก
"ได้ค่ะ" พยาบาลรู้สึกสงสารจนจับใจ ก็เลยรีบพามาที่ห้องเด็กรวม
"ลูกแม่" น้ำตารินไหลออกมาเมื่อเห็นลูกนอน อยู่บนเตียงนั้น
"แม่คับ" เด็กน้อยได้ยินเสียงแม่นึกว่าฝันไป พอมองไปที่ต้นเสียงก็เป็นแม่ของแกจริงๆ
"ครรชิต งือออ ใครทำลูกฉันแบบนี้ ใครทำหนู"
"แม่อย่าร้องไห้นะครับผมไม่เจ็บเลย" มือเล็กๆ ยื่นขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้ผู้เป็นแม่
เนตรนภาทำอะไรไม่ถูก จับจุดอะไรก็ยังไม่ได้เพราะเธอฝากลูกไว้กับหลายคนเกิน และตอนนี้จะกลับไปจัดการอะไรก็ยังไม่ได้ เพราะไม่กล้าทิ้งลูกไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียว
"ฉันอยากพบคุณหมอค่ะ" เธอเดินมาหาพยาบาลที่เคาน์เตอร์
"ขอโทษค่ะ คุณหมอออกเวรไปแล้ว"
"ออกไปธุระกับคุณแม่"
"ไปที่ไหนคะ"
"อะไรของเธอนักหนา!"
"ฉันถามว่าคุณคันศรไปที่ไหน"
"ประชุมที่โรงแรม"
พอรู้แบบนั้นแล้วเนตรนภาก็รีบกลับลงมาที่รถ เธอรู้ดีว่า เขาประชุมกันที่โรงแรมไหน หญิงสาวรีบขับรถตรงไปที่โรงแรมนั้นทันที
@โรงแรมที่ไกรสรบริหารงาน
เนตรนภารีบตรงไปที่ห้อง VIP เพราะเธอรู้ดีว่า พวกเขาจัดงานประชุมที่ไหนกัน
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยถือวิสาสะ ตอนนี้เธอต้องรีบคุยกับเขาให้รู้เรื่อง..เพราะไม่มีเวลาอีกแล้ว
ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมนั้นต่างก็มองดูคนที่เข้ามาใหม่
"เนตรนภา?"
"ฉันขอคุยอะไรกับคุณหน่อยได้ไหม"
"คุยกับผม?" คันศรมองไปดูหน้าแม่ทันที
"มีอะไรจะคุยค่อยไปคุยกันที่บริษัท" คนที่ตอบออกมาก็คือเกษร เพราะนางก็มีเรื่องจะคุยกับเนตรนภาเหมือนกัน
"ไม่ทันแล้วค่ะ พวกคุณช่วยลูกฉันด้วย..ตอนนี้เขาอยู่โรงพยาบาล" ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมนั้น ต่างก็มองหน้ากันไปมาแบบงงงวย ว่าผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงกล้าที่จะบุกเข้ามาในห้องประชุมเพราะเรื่องส่วนตัวแบบนี้
"คุณจะให้ฉันพูดตรงนี้เลยไหม หรือจะให้พวกเขาออกไปก่อน" เนตรนภาไม่มีความกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด ขออย่างเดียวให้ลูกของเธอมีชีวิตอยู่ต่อไป
"ผมขอไปคุยกับเนตรนภาหน่อยนะครับแม่" ชายหนุ่มดูท่าทางของเธอแล้ว คงจะต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เขาก็เลยลุกขึ้น
"เรื่องนี้เราคุยกันแค่สองคนไม่จบค่ะ ฉันขอคุยกับท่านประธานด้วย เพราะเกล็ดเลือดของท่านอาจจะช่วยลูกของฉันได้"
"เธอหมายความว่ายังไง" คนที่ถามขึ้นก็คือเกษร
"ครรชิตลูกของฉันเป็นโรคแพ้ภูมิต้านตัวเอง.. มีวิธีรักษาคือต้องรับบริจาคเกล็ดเลือดเดียวกัน คุณหมอบอกว่าให้ญาติของแกทุกคนที่เป็นสายเลือดเดียวกันไปตรวจที่โรงพยาบาล ว่าใครเกล็ดเลือดตรงกับแกบ้าง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรัก
เนื้อเรื่องยาวกว่านี้จะดีมากคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ...