"เธอหมายความว่ายังไง" พอเกษรได้ยินสิ่งที่เนตรนภาพูดมามันก็ทำให้นางสงสัยยิ่งนัก
"พวกคุณจะคุยกับฉันได้หรือยัง" ใจจริงหญิงสาวอยากจะพูดออกมาให้หมดตอนนี้เลย อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด แต่เธอกลัวว่าเศรษฐีแบบพวกเขาจะอับอายเสียเปล่า
"ทุกคนออกไปก่อน" เกษรสั่งให้หุ้นส่วนในที่ประชุมออกไปจากห้อง
และทุกคนต่างก็ทยอยออกมา..
"ฉันคงไม่มีเวลาอธิบายให้พวกคุณฟังทั้งหมด"
"มันเกิดอะไรขึ้นครับ" จังหวะที่เนตรนภากำลังจะพูดต่อ ไกรสรได้เปิดประตูเข้ามา เพราะเขาเห็นคนในห้องประชุมเดินออกไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาจบการประชุมเลย
"ครรชิตลูกของฉันถูกทำร้าย..ตอนที่ฉันไปทำงานต่างจังหวัด และคุณหมอตรวจพบว่าแกเกล็ดเลือดต่ำ เพราะเป็นโรคภูมิต้านตัวเอง" เธอพยายามจะพูดออกมาให้ได้เยอะที่สุด ทั้งๆ ที่ มือไม้สั่น ปากสั่น ใจสั่น จะเรียกว่าสั่นไปหมดทั้งตัวก็ว่าได้..เพราะเธอกลัวว่าพวกเขาจะไม่ยอมช่วย
"มันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนบอกผมที" ไกรสรยังงงอยู่ว่าผู้หญิงคนนี้พูดเรื่องอะไร
"แล้วไงต่อ" เกษรไม่ได้สนใจคำถามของลูกชายคนเล็กเลย ตอนนี้นางพุ่งความสนใจมาที่เนตรนภา ว่าเธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่ เด็กคนนั้นเกี่ยวอะไรกับวงตระกูลของนาง
"ครรชิตคือลูกของฉัน กับ.." สายตาหญิงสาวมองมาที่พ่อของเด็ก เธอคิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้ไป จนสิ้นลมหายใจของตัวเองเลยด้วยซ้ำ..ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก่อน "ครรชิตคือลูกชายของฉันกับคุณคันศร"
ต่างคนก็ต่างมองหน้ากันแบบงงงวย
"ฉันรู้ว่าพวกคุณคงจะไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด แต่เรื่องนี้มันพิสูจน์ไม่ยากนี่คะ เพราะแกก็มี DNA ให้พวกคุณได้ตรวจ แต่ฉันขอร้องพวกคุณช่วยแกด้วย..ช่วยให้แกมีชีวิตต่อไป ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรอีกเลย" น้ำตาของผู้เป็นแม่ไหลลงมาโดยไม่มีเสียงสะอื้นเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอกำลังใจจดใจจ่อฟังว่าพวกเขาจะพูดอะไรไหม
"คุณหมายความว่ายังไง" คันศรเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก
"คุณจำผู้หญิงคนนั้นได้ไหม ในงานเลี้ยงบริษัท เมื่อ 5 ปีที่แล้ว คุณอาจจะจำหน้าฉันไม่ได้ แต่ฉันหวังว่าคุณคงจะจำการกระทำที่ทำกับผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในครั้งนั้นได้"
"มันเกิดอะไรขึ้นคันศร" เกษรพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ตามที่เนตรนภาได้พูดมา..แต่ก็ยังงงอยู่
"พาผมไปโรงพยาบาลนั้นที" ไม่มีคำพูดใดออกจากปากเขานอกจากคำนี้ และหญิงสาวก็ไม่รอช้า เธอรีบออกจากประตูนั้นมาโดยมีขายาวๆ ของคันศรเดินตาม
"ผมงงไปหมดแล้วครับคุณแม่..มันเกิดอะไรขึ้น"
"แม่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่เรารีบตามไปดีกว่า" เกษรและไกรสรรีบตามออกมา
"ไปรถผม" เขาคิดว่าถ้าไปคนละคันกลัวจะเสียเวลา
@โรงพยาบาล ที่ครรชิตพักรักษาตัวอยู่
เพียงไม่นานรถคันนั้นก็ได้มาจอดที่หน้าโรงพยาบาลของรัฐบาลแห่งหนึ่ง
เนตรนภารีบลงรถแล้วเดินตรงเข้าไปก่อนเขา
ช่วงที่เขาคุยอยู่กับหมอนั้น เนตรนภาแทบหยุดหายใจ เพราะเธอปวดใจมาก..บวกกับความเป็นห่วงลูก กว่าผลดีเอ็นเอจะออกมา หมอจะรักษาลูกเธอทันไหม
"ทำไมคุยกันนานจัง" คนที่ถามขึ้นก็คือเกษร นางก็กระวนกระวายใจไม่แพ้กัน ตอนนี้ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไงนางก็อยากจะช่วยเด็กให้ได้ก่อน ถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะไม่ใช่หลาน ถ้าเกล็ดเลือดของนางช่วยได้นางก็จะช่วย
"ตอนนี้คุณหมอย้ายครรชิตไปอีกโรงพยาบาลหนึ่งแล้วครับ..เราตามไปเถอะ" คันศรพูดกับแม่แต่สายตามองมาที่เนตรนภา
"คุณหมายความว่ายังไง?!" หญิงสาวถามขึ้นทันที
"ที่นี่รักษาไม่ดีหรอก ผมทำเรื่องขอย้ายไปอีกโรงพยาบาล และตอนนี้เด็กก็ได้ถูกย้ายตัวไปแล้ว" ที่จริงที่เขาเข้าไปคุยกับหมอไม่ได้คิดว่าจะตรวจ DNA เลย ชายหนุ่มให้หมอติดต่อแพทย์เฉพาะทางเรื่องนี้ให้ และต้องการโรงพยาบาลที่รักษาดีที่สุด
เขาพาเธอกลับลงมาที่ลานจอดรถ หญิงสาวก็ไม่มีปากเสียงอะไร เธอได้แต่เดินตามพวกเขามา ตอนนี้ให้ทำอะไรก็ได้ที่จะให้ลูกของเธอมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะแกยังเด็กมาก
@โรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นชื่อมากที่สุด
พอพวกเขาลงรถมา ทางแพทย์เฉพาะทางที่ได้ถูกติดต่อ ต่างก็ออกมาต้อนรับ และแนะแนวขั้นตอนการรักษาทุกอย่าง รวมทั้งขอตรวจเลือดคนในครอบครัวใหม่หมดทุกคน
"มันเกิดอะไรขึ้นครับแม่" ธนูยังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ถูกโทรตามให้มาที่โรงพยาบาล ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าเพราะคิดว่ามีใครเป็นอะไรเขาก็เลยต้องรีบมา
"ทุกคนตรวจเลือดหมดแล้ว ธนูไปตรวจเลือดหน่อยลูก เดี๋ยวแม่จะเล่าทุกอย่างให้ฟัง" ตอนนี้เกษรถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นหน้าเด็กคนนั้นแบบชัดๆ เพราะแกแทบจะไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอเลยด้วยซ้ำ หน้าของเด็กเหมือนกับลูกแฝดของนางตอนเด็กๆ ไม่มีผิดเพี้ยนเลย
และนี่แหละคืออีกหนึ่งเหตุผล ที่เนตรนภาไม่อยากให้ใครเห็นหน้าลูกของเธอ เพราะแกหน้าเหมือนพ่อมาก..เหมือนมากจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรัก
เนื้อเรื่องยาวกว่านี้จะดีมากคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ...