สายตาของชายหนุ่มตวัดมองมาที่เธอทันที..ที่ได้ยินแม่พูดเรื่องแพ้ท้องแทนเมีย
"แบบนี้ก็มีด้วยเหรอครับแม่" เขาถามแม่แต่สายตาก็ยังไม่ละจากใบหน้างามนั้น
"มีสิจ๊ะ ในกรณีที่รักเมียมากนะ แต่แม่ไม่เคยเจอเองหรอก เคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่พูดมาอีกที"
"รักเมียมาก" หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อคำนี้เลย รักมากได้ยังไง ยังไม่เคยได้ยินเขาบอกรักเราสักที แต่เธอก็ได้แค่พูดออกมาเบาๆ ถึงแม้ว่าจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็เก็บทุกรายละเอียด
"ลูกถามแม่เหมือนกับเมียลูกท้องอย่างงั้นแหละ" เกษรหันเหความสนใจมาที่ลูกสะใภ้คนโตบ้าง
ในเวลาต่อมา.. ตอนนี้แม่ของเขาจับจุดได้แล้วว่าลูกสะใภ้ต้องท้องแน่ เพราะลูกชายมองหน้าเมียแปลกๆ ตอนที่นางพูดเรื่องแพ้ท้องแทนเมีย
และเกษรก็ไม่อยู่เฉย รีบเรียกหมอเข้ามาพบ เพราะกลัวว่าลูกในท้องของเธอคนต่อไปจะมีอาการเดียวกับลูกคนแรก
"โรคนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นตามกรรมพันธุ์ไหม เพราะคนที่เป็นโรคได้รับเชื้อไวรัสตัวหนึ่งมา มันก็เลยก่อเกิดให้เป็นโรคนี้ ตอนนี้เด็กในครรภ์ของคุณเนตรนภายังอ่อนมาก เรายังไม่สามารถที่จะตรวจได้ แต่ป้องกันได้ด้วยการให้คุณแม่พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารครบห้าหมู่" และคุณหมอก็บรรยายอะไรไปอีกหลายต่อหลายอย่าง ก่อนที่จะตรวจให้แน่ชัด เพื่อเตรียมการฝากครรภ์
ผ่านไปอีกไม่นานผลตรวจก็ออกมา..
"แฝด??" พอหมอแจ้งผลตรวจเท่านั้นแหละ คันศรถึงกับหันขวับไปมองหน้าภรรยา
"ใช่ครับ เปอร์เซ็นต์สูงมากที่ภรรยาคุณจะได้แฝด เพราะคุณพ่อก็มีแฝดอยู่แล้ว"
เนตรนภาก็ตกใจไม่แพ้กัน นี่เธอกำลังท้องเด็กแฝดอยู่เหรอ
คนที่ดีใจมากกว่าใครในที่นี้ก็คือคุณย่าอีกนั่นแหละ ตอนนี้นางสมหวังทุกอย่าง ถึงแม้ว่าจะสมหวังแบบงงๆ
วันที่ครรชิตออกจากโรงพยาบาล..
"แม่จะไปหาฤกษ์แต่งงานให้พวกเรา" พวกเราในที่นี้รวมถึงธนูและช่อชบาด้วย เพราะทั้งสองก็ยังไม่ได้จัดงานแต่ง
"แต่งงาน?" เนตรนภาซึ่งนั่งอยู่ในห้องนั้นก็ได้พูดออกมา แต่เธอไม่ได้พูดแรง ความคิดของเธอเหมือนไม่มีตัวตนในบ้านหลังนี้ และก็ไม่กล้าออกความคิดเห็น ถึงแม้สิ่งที่พวกเขาคุยกันมีเธอเกี่ยวข้องด้วย
ในเวลาต่อมา..หญิงสาวก็ได้ขอตัวออกจากห้องนั้น โดยมีคันศรรีบตามออกมา
"คุณไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าค่ะ"
"ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอถ้ามีอะไรให้คุยกัน อย่าคิดไปเองคนเดียว" เขาสัมผัสได้ว่าเธอเหมือนไม่ค่อยสบายใจ เมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงาน "คุณยังไม่อยากแต่งงานเหรอ..หรือคุณไม่อยากแต่งงานกับผม" เขาถามออกมาตรงๆ
"ฉันรู้ว่าครอบครัวของคุณแค่ต้องการอยากจะรับผิดชอบลูก ก็เลยจำใจต้องจัดงานแต่งขึ้น"
"อะไรทำให้คุณคิดแบบนี้" ชายหนุ่มมองซ้ายขวาตรงนี้มันยังเป็นทางที่คนเดินผ่านไปมา เขาจึงรีบพาเธอขึ้นไปบนห้องเพื่อที่จะคุยกัน
"คุณกำลังคิดอะไรอยู่บอกผมมา"
"ในเมื่อคุณไม่ได้รักฉัน คุณแค่ต้องการอยากรับผิดชอบลูก ก็ไม่จำเป็นต้องจัดงานแต่งหรอกค่ะ คุณไม่ให้ฉันไปไหน ฉันก็จะไม่ไป"
"ไม่ได้รัก??" คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแบบเป็นคำถาม "ทำไมคุณถึงคิดว่าผมไม่ได้รักคุณล่ะ คุณก็เห็นว่าผมรอ.."
"ฉันรู้ค่ะว่าคุณรอผู้หญิงเมื่อหกปีที่แล้ว แต่คุณไม่ได้รักฉัน..คุณรักผู้หญิงคนนั้นต่างหาก"
"แต่ผู้หญิงคนนั้นก็คือคุณนะ"
"ใช่ค่ะผู้หญิงคนนั้นคือฉัน แต่ถ้าคุณรู้ก่อนหน้านี้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นฉัน คุณอาจจะไม่มีความรู้สึกดีๆ แบบนี้ให้ฉันเลยก็ได้" เพราะตั้งแต่เธอมีอะไรกับเขา หญิงสาวก็พยายามมากที่จะมีตัวตนในสายตาของเขา..แต่เขาก็มองไม่เห็นเธอเลย นั่นแสดงว่าผู้หญิงในความมืดคนนั้นมีค่ามากกว่าคนที่ชื่อเนตรนภา
"เดี๋ยวนะคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผู้หญิงที่ผมตามหาเมื่อหกปีที่แล้วก็คือคุณ"
"พอเถอะค่ะ เราอย่าพูดเรื่องนี้กันอีกเลย" หญิงสาวมองต่ำลง เพราะไม่อยากจะให้เขาเห็นน้ำตาที่มันกำลังคลอเบ้า
"คุณรู้ไหมที่ผมไม่มองผู้หญิงคนไหนเลย เพราะผมรอ..รอแค่คุณ ผมถึงไม่กล้ามองคนอื่น ผมกลัวว่าผมจะลืมคุณ คนที่อยู่ในคืนนั้น"
ความน้อยใจก็ยังไม่จางหายถึงแม้ว่าเขาจะอธิบายยังไง เพราะคำเดียวที่เธออยากจะได้ยิน มันคือคำที่จะการันตี ความชัดเจน ความมีตัวตนของเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรัก
เนื้อเรื่องยาวกว่านี้จะดีมากคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ...