เมื่อทุกคนได้ยินเซี่ยซีหว่านพูดเช่นนี้ก็พากันถอนหายใจในทันที อะไรนะ เธอกล้าท้าทายดาวของมหาวิทยาลัย T ที่เรียนเก่งอย่างลี่เหยียนหลานเหรอ?
ลี่เหยียนหลานไม่เพียงแต่เป็นคนดังและมีชื่อเสียงที่ดีเท่านั้น แต่เธอยังขยันอีกด้วย ทุกครั้งที่เธอส่งคำตอบคือทั้งถูกต้องและสวยงามไปหมด เธอเป็นที่ชื่นชอบของรองอธิการบดีโจว เธอช่างสูงส่ง และยังไม่มีใครกล้าท้าทายเธอ
เมื่อเซี่ยซีหว่านปรากฏตัวขึ้นที่ครั้งแรก เธอก็ไม่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัย T จนถูกตีกลับมามหาวิทยาลัย A ซึ่งอยู่ในอันดับท้าย ๆ ของการสอบเอ็นทรานซ์ด้วย แต่ตอนนี้เธอกลับกล้าท้าทายลี่เหยียนหลานอย่างโจ่งแจ้ง
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างพากันมองเธอด้วยความประหลาดใจว่าเธอเอาความมั่นใจมาจากไหน?
ลี่เหยียนหลานยิ้มเย้ยหยัน และพูดว่า “เซี่ยซีหว่าน เธอพูดจริงเหรอ เธออยากจะท้าทายฉันจริง ๆ ใช่ไหม? ไม่งั้นเธอลองกลับไปคิดทบทวนดูอีกครั้งก่อนก็ได้นะ ฉันคิดว่าถ้าฉันตกลงรับคำท้าและต่อสู้กับเธอในเวทีประลองมันจะกลายเป็นว่าฉันรังแกเธอที่ไม่มีทางสู้น่ะสิ”
ลี่เหยียนหลานพูดอย่างมั่นใจ เธอดูถูกเซี่ยซีหว่านในการสอบเอ็นทรานซ์ นี่ไม่ใช่การเปรียบเทียบความงามของใบหน้าเรียวรูปไข่ แต่เป็นการเปรียบเทียบความรู้สติปัญญา
ตอนนี้แสงแดดยามเช้าที่สดใสกำลังส่องแสงสีเหลืองทองอร่ามอย่างงดงามปกคลุมไปทั่วบริเวณ เซี่ยซีหว่านอยู่ท่ามกลางแสงแดด ดวงตาสดใสเป็นประกายของเธอมองลี่เหยียนหลานอย่างสงบนิ่งและพูดอย่างสุขุมว่า “ลี่เหยียนหลาน ถ้าเธอได้ยินไม่ชัด งั้นฉันจะพูดอีกรอบ ฉันขอท้าเธอในการสอบเอ็นทรานซ์ที่กำลังจะมาถึงนี้ เธอกล้ารับคำท้าฉันไหม?”
ลี่เหยียนหลานตกตะลึงกับความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญของเซี่ยซีหว่านเป็นอย่างมาก เธอพ่นลมหายใจออกมาและพูดว่า “ได้สิ เซี่ยซีหว่าน ฉันรับคำท้า แล้วเรามาคอยดูกันว่าในการสอบเอ็นทรานซ์ครั้งนี้ใครสูงใครต่ำกว่ากัน !”
“ตกลง !” เซี่ยซีหว่านพยักหน้าตอบรับอย่างเด็ดเดี่ยว
ฟ่านเถียนได้รับพลังปลุกเร้าจากเซี่ยซีหว่านด้วยเช่นกัน เธอรู้สึกว่าเซี่ยซีหว่านกล้าหาญมาก เธอที่จะท้าทายลี่เหยียนหลาน แล้วเธอจะไม่กล้าหาญได้อย่างไร เธอจึงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และพูดว่า “หว่านหว่าน ฉันจะปล่อยให้เธอต่อสู้คนเดียวได้ยังไงล่ะ เมื่อวานนี้เราคุยกันแล้วว่าเราจะแบ่งปันทั้งเกียรติและความอัปยศซึ่งกันและกัน แม้ว่าฉันจะไม่สามารถท้าทายลี่เหยียนหลานได้ แต่การสอบเอ็นทรานซ์ครั้งนี้ ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้มหาวิทยาลัย A ของเราอยู่ในห้าอันดับแรกให้ได้ !”
ในไม่ช้าคนอื่น ๆ ต่างก็ลุกขึ้นยืน ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างเข้ามายืนอยู่ข้างเซี่ยซีหว่านทีละคน ๆ และพูดว่า “ฉันก็เข้าร่วมด้วย คิดถึงเมื่อตอนที่ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัย A ด้วยคะแนนอันดับที่ 12 ของมณฑลเลยล่ะ สองปีที่ผ่านมานี้ฉันทำหนังสือเล่มนั้นหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าตอนนี้ฉันหยิบหนังสือขึ้นมาจะรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเดิมไหม !”
“ฉันก็เข้าร่วมด้วย คะแนนของฉันไม่ค่อยดีนักจึงต้องจำใจเข้ามหาวิทยาลัย A แต่ก่อนฉันไม่ค่อยตั้งใจเรียน ไม่รู้ว่าการที่ฉันจะตั้งใจเรียนขึ้นมานั้นจะทำให้ตัวเองเป็นยังไงบ้าง !”
“ฉันก็ขอเข้าร่วมด้วย ฉันจะขยันเพื่อชื่อเสียงเกียรติยศของมหาวิทยาลัย A แม้จะสอบได้แค่หนึ่งคะแนน แต่มันก็คือหนึ่งคะแนน !”
ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นยืนอย่างฮึกเหิมทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยเสียงอันทรงพลังและดังกังวาน พวกเขาต้องการต่อสู้เคียงข้างเซี่ยซีหว่าน พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าเซี่ยซีหว่านนั้นเป็นมหาบัณฑิตตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น แถมยังมีผลงานทำลายสถิติเดิมของประวัติศาสตร์วงการแพทย์ทั้งหมดด้วย ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ พวกเขาจะหัวเราะเยาะกับความไร้เดียงสาของตัวเองที่กล้ายืนหยัดต่อสู้กับมหาวิทยาลัย T กันบ้างไหมนะ
นักศึกษามหาวิทยาลัย T เริ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขานึกถึงตอนที่มหาวิทยาลัย A สามัคคีรวมพลกันที่สนามแข่งบาสเก็ตบอลเมื่อวานนี้ ในตอนนั้นพวกเขาได้ระเบิดศักยภาพออกมาอย่างมหาศาลจนน่าทึ่งเป็นอย่างมาก และตอนนี้พวกเขาก็รวมพลแบบนั้นอีกครั้ง
ทันใดนั้นบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัย T ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขากลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง
ลี่เหยียนหลานดึงกำมือของเธอเข้าหากันแน่น เธอต้องยอมรับว่าเซี่ยซีหว่านสามารถปลุกระดมความกล้าหาญให้กับผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย เธอเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย A เธอก็ไม่ได้ถูกมหาวิทยาลัย A ทำให้เปลี่ยนแปลงตัวตน แต่เธอกลับเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงมหาวิทยาลัย A
บรรดานักศึกษาที่อยู่รอบตัวเธอนั้น เมื่อก่อนพวกเขาก็แค่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ อย่างโง่เขลาเบาปัญญา แต่ตอนนี้บรรดานักศึกษาที่ยืนอยู่ข้างกายเซี่ยซีหว่านเหล่านั้นกลับเต็มเปี่ยมไปความกระตือรือร้นกระฉับกระเฉงและสง่างามยิ่งนัก
ลี่เหยียนหลานจึงพูดอย่างเย็นชาว่า “งั้นก็ดี พวกเราเจอกันวันสอบเอ็นทรานซ์แล้วกัน !”
จากนั้นลี่เหยียนหลานก็เดินนำบรรดานักศึกษาของมหาวิทยาลัย T กลับไป
อาจารย์อู๋มาถึงมหาวิทยาตั้งนานแล้ว เขาแอบยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เมื่อเขามองไปที่บรรดานักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ เซี่ยซีหว่านในตอนนี้ ทุกคนต่างมีหน้าตาที่สดใส มีสง่าราศี และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ อาจารย์อู๋จึงทำเสียงฮึมฮัมออกมาด้วยความพึงพอใจ ต้องเป็นอย่างนี้สิถึงจะสมกับการเป็นเยาวชน
อาจารย์อู๋ได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจที่สุดเท่าที่เคยมีมา เขาเอามือทั้งสองข้างไขว้กันอยู่ข้างหลังและเดินตรวจดูไปรอบ ๆ มหาวิทยาลัย A ทั้งหมด แต่ก่อนนักศึกษาที่เรียกยังไงก็ไม่ตื่นทั้งหมดกำลังนั่งอยู่ในความเคร่งขรึมและตั้งใจฟังการบรรยายของอาจารย์ แม้ว่าจะมีนักศึกษาจำนวนมากที่ฟังอาจารย์พูดบรรยายไม่เข้าใจ หลังจากพวกเขาก่นด่าอยู่ในใจก็หยิบปากกาขึ้นมาพร้อมกับยืมสมุดโน้ตจากโต๊ะเดียวกันนั่งเรียนอย่างสนุกสนาน
พวกเขาอยากจะทะยานขึ้นฟ้าแต่ตอนนี้คงยังเป็นไปไม่ได้ แต่พวกเขาบอกว่า ถ้าสอบได้สักหนึ่งคะแนน ก็จะมีหนึ่งคะแนน เมื่อก่อนนักศึกษาเหล่านั้นมักจะส่งกระดาษเปล่าเสมอ แต่ตอนนี้พวกเขากลับทำคะแนนได้เพิ่มอีกสิบคะแนน
อาจารย์อู๋เดินเตร่ไปรอบ ๆ มหาวิทยาลัยเสร็จก็กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เมื่อเขาส่องกระจก เขาก็ประหลาดใจที่พบว่าเขามีผมงอกขึ้นมาจากหัวล้าน ๆ ของเขาหนึ่งเส้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักคุณสามี
กลับมาลงเรื่องนี้ต่อหน่อยค่ะ😁😁😁...
รอตอนต่อไปนานมากแล้ว ครับ...
นิยายแปลที่ติดตามก็ไม่มีการอัปเดทนิยายไทยก็เดิมฯเรื่องใหม่ก็เค้าโคลงจากเรื่องเดิมแม้จะเปลี่ยนชื่อแต่คนอ่านก็จำได้ค่ะ บางเรื่องที่ติดตามไปติดเหรียญที่เเอปอื่น ยังไงต่อไปดี...
ไม่มีอัพเดตต่อ...หรือเลิกแปลเรื่องนี้ไปแล้ว...
เรื่องนี้รออัปเดทนานมากค่ะนิ่งเลยค่ะ...