พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 16

นาราภัทรทะลึ่งพรวดดีดตัวนั่งตัวตรงเบิกตากว้างครางเรียกชื่อเจ้าชายหนุ่มที่เฝ้าคะนึงหาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เจ้าชายซารีฟร์เป็นคนสุดท้ายที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้พบบนรถเมล์ที่เหมาะสำหรับคนจนๆ เดินดินเช่นเธอ

“เจ้าชายจะไปไหนคะ แล้วทำไมถึงมาคนเดียวองครักษ์หายไปไหนหมดคะ”

นาราภัทรไม่ตอบคำถามของเจ้าชายหนุ่มแต่กลับเป็นผู้เอ่ยถามเสียเองเหตุเพราะยังข้องใจไม่หายที่จู่ๆ เจ้าชายซารีฟร์ก็โผล่ให้เห็นหลังจากที่เธอนั้นแอบเฝ้ารอคอยมานานหลายกาลเวลา

“เรามารอพบเจ้า แต่ไม่ได้มาคนเดียวราชิตกับอาดิลขับรถตามอยู่ด้านหลังรถเมล์”

เจ้าชายซารีฟร์คลี่ยิ้มกว้างกับซุ่มเสียงที่นาราภัทรได้เอ่ยถามใบหน้างามดวงตาคู่สวยที่ปิดบังความเป็นห่วงใยไว้ไม่มิดทำเอาหัวใจแห่งทะเลทรายที่แข็งแกร่งมีอันอ่อนยวบอุ่นวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าดีใจที่หญิงสาวเองก็เริ่มมีท่าทีที่อ่อนลงไม่โกรธเขาเหมือนเมื่อหลายวันที่ผ่านมา

นาราภัทรเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจกับคำตอบที่ได้ยิน “มารอน้ำหนาวงั้นหรือคะ มารอทำไม น้ำหนาวไม่ได้สำคัญถึงเพียงนั้น”

เจ้าชายหนุ่มหน้าถอดสีเล็กน้อยเมื่อนาราภัทรขยับกายออกห่างน้ำเสียงที่เอ่ยถามกลับมาปั้นปึ่งเหมือนเดิมไม่ผิดกับวันที่ทะเลาะกันในมหา’ลัย

“เจ้ายังไม่หายโกรธเรางั้นหรอกหรือ”

“โกรธเรื่องอะไรคะ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไร้ค่าดุจดังเศษธุลีผงมีสิทธิ์โกรธเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลด้วยหรือคะ”

“น้ำหนาว! ทำไมเจ้าต้องพูดเช่นนั้นด้วย เราจำได้ว่าเราเคยบอกว่าเจ้ามีค่าต่อเรามากกว่าสิ่งที่เจ้านึกคิด”

มือใหญ่อบอุ่นเอื้อมไขว่คว้าร่างบางที่ขยับถอยห่างจนลำตัวแนบชิดเกือบเป็นเนื้อเดียวกันกับตัวถังที่เย็นเฉียบของรถเมล์

ทั้งๆ ที่ในใจนั้นร่ำหาอ้อมแขนอันอบอุ่นแต่นาราภัทรก็ทำใจแข็งปัดมือใหญ่ที่โอบรอบเอวของตนออก ใบหน้างามหวานเผยแววเสียใจให้เห็นเล็กน้อยก่อนจะกะพริบให้เลือนหายไปกับละอองหิมะเย็นจับใจ

“น้ำหนาวคงไม่มีค่าไปมากกว่าที่เป็นอยู่หรอกค่ะ”

หญิงสาวทอดสายตามองใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่กอบกุมหัวใจดวงเล็กของตนเองไว้ทั้งสี่แห่งห้องครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนี

“เจ้าชายมีธุระกับน้ำหนาวหรือเปล่าคะ หรือแค่ต้องการมาเอื้อนเอ่ยวาจาให้น้ำหนาวได้เจ็บช้ำเล่น”

“เจ้าเป็นหญิงเดียวที่โง่เขลาที่สุดเท่าที่เราเคยพบมา”

เจ้าชายซารีฟร์หลุดปากเอ่ยต่อว่าหญิงสาวจนได้ทั้งๆ ที่พยายามระงับอารมณ์โกรธขึงไว้เต็มกำลังแต่เมื่อเจอสายตาน้ำคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาโดยไม่สนใจใยดีของนาราภัทรทำให้เขาต้องลืมตัวทุกคราไป

นาราภัทรหันขวับมาจ้องมองเจ้าชายผู้เย็นชาด้วยใบหน้าที่ติดหมองเศร้าดวงตาคู่สวยกลมโตมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอให้เห็นริมฝีปากอวบอิ่มกัดเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะคลายออกแล้วปลดปล่อยถ้อยคำออกมาทำร้ายให้เจ้าชายซารีฟร์ได้เจ็บปวดบ้าง

“แล้วผู้หญิงที่ฉลาดต้องทำยังไงบ้างคะ ต้องสยบอยู่แทบเท้าเจ้าชายซารีฟร์ ถูกเรียกใช้ให้เข้าไปปรนเปรอบำเรอความสุขเมื่อไหร่ก็ต้องรีบไป ถ้าปรนนิบัติถูกใจก็ได้รับแก้วแหวนเงินทองตอบแทน แต่ถ้าหากปรนนิบัติไม่ดีไม่ถูกใจก็ถูกเฉดหัวส่งใช่ไหมคะ”

“ที่เจ้าพูดมานั้นถูกต้องแล้ว คนที่ฉลาดก็ต้องทำเหมือนดังคำพูดของเจ้า ส่วนคนที่โง่ก็คอยหลบหนีไม่ยอมรับรู้ถึงสิ่งที่เราได้เผยให้เห็น”

เส้นแส้ที่ต่างก็ผลัดกันเฆี่ยนลงบนหัวใจของกันและกันต่างก็ก่อให้เกิดความปวดร้าวเจ็บช้ำไม่แพ้กัน นาราภัทรขบเม้มริมฝีปากที่สั่นระริกไว้แน่น ดวงตาคู่สวยกลมโตเผยแววรวดร้าวมีน้ำตาหล่อเลี้ยง เมื่อเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนน้ำตาไม่ให้เจ้าชายจอมเย็นชาได้เห็นก็ถูกมือใหญ่ยึดคางมนแล้วบีบไว้แน่น

“ทำไมเจ้าไม่ยอมเปิดใจรับสิ่งที่เราได้พยายามเผยและกระทำให้เจ้าได้เห็นได้รับรู้”

“แล้วสิ่งที่เจ้าชายพยายามแสดงออกมานั้นเจ้าชายมั่นใจแล้วหรือว่าเป็นสิ่งที่กรั่นกรองมาจากก้นบึ้งของหัวใจ”

นาราภัทรย้อนถามแทบทันทีที่เจ้าชายหนุ่มได้เอ่ยจบประโยค เธอไม่อยากทึกทักคิดเอาเองว่าเจ้าชายซารีฟร์ผู้หล่อเหลาละลายใจสาวๆ มานักต่อนัก เจ้าชายที่ร่ำรวยติดอันดับโลก อีกทั้งรูปงามพร้อมด้วยสติปัญญาเป็นเลิศไม่มีทางมาข้องแวะเพราะชอบหรือรักหญิงสาวจนๆ ที่ไร้ทรัพย์ติดกายและจืดชืดเช่นตัวเธอ เจ้าชายซารีฟร์คงเห็นเธอเป็นแค่เพียงดอกไม้งามสีสันแปลกตาไปจากดอกอื่นๆ จึงได้ตามตอแยแวะเวียนมาเด็ดดมชมกลิ่นดอกไม้งามดุจดังภุมรินตัวใหญ่เวียนว่ายบินโฉบเข้าไปหยอกเอินเริงระบำกับเรณูดอกไม้

“ถ้าหากเจ้ามองและอ่านสายตาของเราไม่ออก เราก็ไม่จำเป็นต้องบอกเจ้าอีกต่อไป คงป่วยการที่จะเอื้อนเอ่ยวาจากับคนที่พยายามปิดหูปิดตาตนเองเสียทุกด้านไป”

เจ้าชายซารีฟร์ย้อนกลับบ้าง ถึงตอนนี้รู้ซึ้งแล้วว่ารักแท้ที่ยั่งยืนและรอคอยนั้นได้มายากเย็นแสนเข็ญเพียงใด ใครที่เคยสบประมาทกล่าวหาหญิงสาวชาวไทยว่าเห็นแก่เงินเห็นแก่ความร่ำรวยของหนุ่มต่างชาติเขาขอค้านหัวจนฝา หญิงสาวชาวไทยโดยเฉพาะนาราภัทรไม่ได้เป็นเหมือนดังถ้อยคำที่คนอื่นเคยพูดให้เขาได้ยินสักนิด

นาราภัทรสบตาสายตาคมกริบที่ล้อมรอบด้วยขนตายาวงอนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบออกมา

“ถ้าหากการปิดหูปิดตาทำเป็นไม่เห็นสามารถช่วยให้น้ำหนาวเจ็บปวดได้น้อยที่สุดน้ำหนาวก็พร้อมที่จะทำ”

“บ้าชะมัด!”

เจ้าชายซารีฟร์สบถลั่นรถ ดีที่ไม่ค่อยมีผู้โดยสารแล้วและนาราภัทรก็เลือกนั่งเกือบเป็นแถวสุดท้ายของรถเลยไม่ค่อยมีใครสนใจการสนทนาของพวกเขา มือหนาร้อนผ่าวทั้งสองกอบกุมใบหน้างามหวานไว้ในอุ้มมือไม่ยอมให้นาราภัทรสะบัดหน้าหนีได้ง่ายๆ ริมฝีปากสีสดร้อนรุ่มก้มลงมาชิดกับเรียวปากอวบอิ่มสีหวานจากนั้นก็กระซิบวาจาแทงใจดำหญิงงามที่ตนเองหลงรักหมดใจ

“เรารู้ว่าเจ้าชอบเรา แล้วเจ้าจะปิดกั้นความรู้สึกปิดกั้นหัวใจของตนเองไปทำไม”

“ฮึ! อย่ามาทำพูดดีทำเป็นรู้ใจคนอื่น และขอร้องอย่ามาหลงตัวเองกรุณาอย่าคิดว่าใครๆ ก็ต้องยอมสยบแทบเท้าหลงรักเจ้าชายทุกคนไป”

“งั้นหรอกหรือ?...” เจ้าชายหนุ่มยิ้มหยันเลิกคิ้วถาม “เราจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าสิ่งที่เราพูดไปนั้นไม่ได้เกินเลยจากความเป็นจริงแม้แต่นิดเดียว”

สิ้นคำพูดของเจ้าชายแห่งอัลนูรีนนาราภัทรก็มีอันต้องผงะชาวูบไปทั้งตัวเมื่อริมฝีปากสีสดร้อนรุ่มกระแทกจุมพิตดุดันเผ็ดร้อนบดขยี้เอาแต่ใจลงมาบนเรียวปากของเธอ

จุมพิตดุดันที่เจ้าชายหนุ่มหล่อเหลาต้องการตอกย้ำลงโทษคนปากแข็งเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหวานฉ่ำชื่นกายใจดูดชิมริมฝีปากอวบอิ่มบนล่างขบเม้มหนักเบาให้นาราภัทรซึมซับและยอมรับความหอมหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งใดในโลกที่เขาเป็นผู้มอบให้ ปลายลิ้นนุ่มๆ โลมเลียเคล้าคลึงไปตามรูปปากอิ่มก่อนจะสอดกระหวัดเข้าไปรับน้ำทิพย์รสเลิศภายในโพรงปากของหญิงสาว

นาราภัทรลืมตัวลืมใจหัวสมองหมุนเคว้งตกอยู่ในภวังค์วังวนแห่งรสสิเสน่หาที่เจ้าชายซารีฟร์บรรจงมอบให้ หญิงสาวไม่รู้ตัวสักนิดว่าตนเองบดเบียนปทุมดอกงามทั้งสองเข้าหาเรือนกายกำยำล่ำสันจนแนบชิดแม้แต่สายลมก็ไม่อาจพัดผ่านไปได้ มือบางที่ผลักไสแปรเปลี่ยนเป็นสอดเข้าไปนวดคลึงทางด้านหลังศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มของเจ้าชาย

ซารีฟร์ หญิงสาวไม่รู้ว่าตนเองตกอยู่ในรสเสน่หาและจูบตอบกระหวัดลิ้นดูดชิมปลายลิ้นนุ่มของเจ้าแห่งทะเลทรายอย่างเร่าร้อนเนิ่นนานเพียงใด ถึงตอนนี้เวลานี้เธอรับรู้ได้แค่ความซาบซ่านที่แล่นพล่านทั่วกายจนอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้...ตรงที่หัวใจของเธอรับรู้ได้ถึงความสุขความภักดีที่ปะปนมาพร้อมกับจุมพิตหวาน

“คราวนี้เจ้าจะยอมรับได้หรือยังว่าเจ้าชอบเรา ชอบรสสัมผัสจากริมฝีปากและชอบปลายลิ้นนุ่มที่มอบความสำราญให้กับเจ้าไม่มีเสื่อมคลาย”

เจ้าชายซารีฟร์กระซิบหยันข้างๆ ใบหูเล็กเมื่อผละริมฝีปากออกแล้ว เขาพึงพอใจเป็นที่สุดที่นาราภัทรลืมตัวจูบตอบอย่างเร่าร้อนดุดันไม่แพ้กันแถมยังบดเบียนความนุ่มเนียนทั้งสองเข้ามาแนบชิดกับแผงอกกว้างกระตุ้นเร้าให้เลือดในกายเขาได้ร้อนฉ่าแล่นพล่านทุกหยาดหยด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย