เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยถามอย่างอ่อนแรงดวงตาคมกริบแดงก่ำริมฝีปากสีสดขบเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงขณะมองตามเครื่องบินหลวงซึ่งประทับตราประจำยศของเชษฐาฮารีฟร์ได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสง่างาม
“เอ่อ...เจ้าชายฮารีฟร์สั่งให้เอาเครื่องขึ้นพะยะค่ะ” ผู้อำนายการหอบังคับการบินอ้ำอึ้งอยู่เป็นนานกว่าจะเอ่ยตอบได้ในที่สุด
“งั้นหรือ...ท่านพี่เป็นคนสั่งเอ่ยงั้นหรือ ปลายทางอยู่ที่ไหน” เจ้าชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาราวกับละเมอ
“ไม่มีใครทราบจุดหมายปลายทางของเครื่องบินหลวง ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับแม้แต่รายชื่อนักบินก็ยังไม่มีใครทราบว่านักบินคนไหนที่ทำหน้าในวันนี้”
“ส่วนผู้โดยสารคือชายาของเราใช่ไหม” คราวนี้เป็นเสียงกระซิบที่หลุดออกมาจากเรียวปากสีสดที่ขบเม้มแน่น
“พะยะค่ะ”
ผู้อำนวยการหอบังคับการบินรู้สึกลำบากใจที่ต้องมาเอ่ยโกหกคาสโนว่าซึ่งถูกลบลายกลายเป็นเจ้าชายผู้รักมั่นต่อหญิงงามชาวไทย
เจ้าชายซารีฟร์พยักหน้าเชื่องช้าก่อนจะเอ่ยสั่งองครักษ์ราชิต “ยกเลิกการปิดน่านฟ้าแล้วก็ขอโทษทุกคนในสนามบินด้วยที่เราทำให้พวกเขาลำบากไปชั่วขณะ”
เอ่ยสั่งองครักษ์เรียบร้อยแล้วเจ้าชายซารีฟร์ก็หยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วสาวเท้าช้าๆ ไปยืนเกาะรั้วทอดสายตามองไปยังลานบินที่มีเครื่องบินนับสิบๆ ลำที่ยังคงจอดนิ่งอยู่ยกเว้นลำเดียวคือเครื่องบินหลวงซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำหน้าที่เป็นพาหนะนำพาแก้วตาดวงใจที่รักยิ่งมาหาตนเองและเครื่องบินหลวงก็ได้ทำหน้าที่อีกครั้งแต่เป็นการทำหน้าที่พรากดวงใจไปจากเรือนกายของเขาให้เหลือแค่เพียงลมหายใจ...
บทส่งท้าย
เจ้าชายฮารีฟร์ก้าวเท้ายาวๆ มาหยุดยืนอยู่ด้านหลังอนุชาพยายามสูดลมหายใจปรับสีหน้าแววตาให้เป็นปกติก่อนจะเอ่ยบอกอนุชาเสียงราบเรียบ
“ซารีฟร์มีคนฝากจดหมายไว้ให้น้อง”
“ฮึ! ดีจริงน่ะท่านพี่ของเรา เป็นคนสั่งให้เปิดน่านฟ้าส่งลูกเมียของน้องไปที่ไหนก็ไม่รู้ยังไม่สาแก่ใจพอ ท่านพี่ยังจะนำจดหมายบ้าบอคอแตกมาเย้ยน้องอีกหรือพะยะค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่ผู้เป็นอนุชากล้าเอ่ยต่อว่าเชษฐาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างยิ่งยวดแถมไม่ยอมหันหน้ามามองเชษฐาด้วย
เจ้าชายฮารีฟร์กลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้นึกโกรธถือโทษอนุชา “ซารีฟร์ไม่อยากอ่านหรือว่าน้ำหนาวเขียนจดหมายรักไว้ว่าอย่างไรบ้าง”
คราวนี้ผู้เป็นอนุชาหันขวับคว้าจดหมายรักหรือถ้าจะเรียกว่ากระดาษแผ่นเล็กก็ไม่ผิดพอได้เห็นจดหมายรักฉบับเดียวกันที่น้ำหนาวเคยมอบให้ตนเองตั้งแต่ครั้งแรกก็แย้มยิ้มออกมาได้ใบหน้าหล่อเหลามีสีเลือดขึ้นมาบ้าง
“ต้องการสอนคนไร้มารยาท”
อ่านข้อความในจดหมายรักเสร็จแล้วเจ้าชายองค์รองแห่งแผ่นผืนทะเลทรายก็ปล่อยกระดาษแผ่นบางให้ร่วงลงพื้นแล้วหันหลังให้เชษฐาก่อนจะเอ่ยพึมพำเสียงเศร้าๆ
“จะสอนได้อย่างไรก็ต่อเมื่อคนสอนได้หนีจากไปแล้ว”
นาราภัทรก้าวออกมาจากการหลบซ่อนอยู่ด้านหลังเจ้าชายฮารีฟร์ก้มลงหยิบจดหมายรักมาถือไว้ในมือก่อนจะจับมือหนาร้อนผ่าวของบุรุษที่รักยิ่งให้รับจดหมายรักพร้อมกับเอ่ยถามเสียงนุ่มหวาน
“แล้วถ้าหากน้ำหนาวยังไม่หนีไป เจ้าชายซารีฟร์ผู้ยิ่งใหญ่จะยอมให้สอนมารยาทไหมคะ”
“น้ำหนาว!...โอ...ยอดรัก”
เจ้าชายซารีฟร์ร้องลั่นเบิกตากว้างด้วยความดีใจพลางรวบร่างบอบบางมาสวมกอดพรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานลออที่เปื้อนรอยยิ้มโดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่กำลังมองมาด้วยความอิจฉาแกมยินดีกับความรักที่กำลังสุขสมหวัง
นาราภัทรยิ้มทั้งน้ำตาจูบตอบบุรุษที่รักตักตวงถ่ายทอดความรักความหวานฉ่ำเป็นเวลาเนิ่นนานจึงผละออกพร้อมกับเอ่ยถามยิ้มๆ
“ตกลงจะให้น้ำหนาวเป็นคนสอนมารยาทหรือเปล่าคะ”
“สอนสิ เราดีใจที่สุดที่เห็นเจ้ายืนอยู่หน้าเราตอนนี้ เราคิดว่าเจ้าไปกับเครื่องบินหลวงเสียแล้ว”
แม้จะผละริมฝีปากละจากความหวานไปชั่วขณะแต่ลำแขนแข็งแกร่งยังคงโอบกอดรัดร่างบอบบางเปล่งปลั่งไว้แนบแน่นราวกับกลัวว่าชายาตนเองจะหลุดลอยหนีจากไปอีกครั้ง
นาราภัทรหัวเราะเบาๆ กับคำตัดพ้อก่อนจะเอ่ยตอบยิ้มๆ “ตอนแรกก็ว่าจะไปกับเครื่องบินหลวงที่เจ้าชายฮารีฟร์เตรียมไว้ให้เหมือนกัน แต่พอได้ยินว่าจอมเผด็จการสั่งปิดน่านฟ้าก็เลยหยุดรอฟังสักนิด”
“เราอุตส่าห์สารภาพรักสารภาพความในใจที่กลั่นกรองมาจากก้นบึ้งจนหมดเปลือกแถมยังยืดยาวเป็นวาแต่เจ้าฟังได้แค่นิดเดียวเองหรือน้ำหนาว”
เจ้าชายนักรักเอ่ยถามอย่างงอนๆ ตีหน้ามุ่ยใส่ใบหน้าคมเข้มเผยแววผิดหวังให้เห็นด้วยคิดจริงๆ ว่าหญิงที่รักอาจไม่ได้ยินประโยคสารภาพรักของตนเอง
“น้ำหนาวได้ยินทุกถ้อยคำที่เจ้าชายบอกรักแต่ก็ได้ยินไม่ชัดสักเท่าไหร่ เจ้าชายจะบอกน้ำหนาวอีกสักครั้งได้ไหมคะ”
“ได้สิทำไมจะไม่ได้ จะให้เราบอกรักเจ้าตลอดชั่วทั้งชีวิตเลยก็ได้” เจ้าชายหนุ่มยิ้มละไมลดริมฝีปากลงแนบชิดกับเรียวปากอวบอิ่มสีหวานแล้วเอื้อนวาจาบอกรักด้วยน้ำเสียงไพเราะเสนาะหู
“เรารักเจ้าน้ำหนาว เจ้าคือดอกไม้งามแห่งอัลนูรีนที่คาสโนว่าผู้นี้ยอมมอบกายใจให้กับเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
“น้ำหนาวรักเจ้าชายค่ะ รักชายเดียวที่ทำให้น้ำหนาวอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ น้ำหนาวอยากจะเอื้อนวาจาบอกรักเจ้าชายนานแล้วแต่ในส่วนลึกของจิตใจก็ยังหวาดกลัวว่าคาสโนว่าเจ้าชายนักรักอย่างเจ้าชายซารีฟร์จะหยุดอยู่ที่น้ำหนาวได้จริงหรือ...แต่ถึงตอนนี้น้ำหนาวมีคำตอบให้กับตัวเองแล้ว น้ำหนาวไม่กลัวที่จะเสียใจกับความรักในภายภาคหน้าเพราะเจ้าชายได้ทำให้เห็นประจักษ์แจ้งแล้วว่าเจ้าชายรักน้ำหนาวมากเพียงใด น้ำหนาวขอร้องแค่เพียงอย่างเดียวถ้าหากวันใดที่เจ้าชายหมดรักในตัวน้ำหนาวแล้วขอให้บอกอย่าได้ทำร้ายจิตใจน้ำหนาวด้วยการมีคนอื่นในขณะที่ยังมีน้ำหนาวอยู่ด้วย”
ถ้อยคำบอกรักของชายาคนสวยได้ซึมซับเข้าทั่วเรือนกายทำเอาหัวใจบุรุษชาติอาหรับพองโตด้วยความปลาบปลื้มปิติที่เผยให้เห็นทั่วใบหน้าหล่อเหลาดวงตาคมดำสนิท
“ไม่มีวันใดที่เราจะหมดรักในตัวเจ้าหรอกน้ำหนาว เราไม่ได้ขอให้เจ้าเชื่อในขณะนี้แต่เราจะพิสูจน์ให้เจ้าได้เห็นตลอดชั่วชีวิตว่าเราไม่เคยผิดคำพูดที่ให้ไว้กับเจ้า”
“ขอบคุณค่ะ น้ำหนาวเชื่อเจ้าชายและน้ำหนาวก็อยากจะขอโทษเจ้าชายที่น้ำหนาวเข้าใจผิดเรื่องที่เอ่อ...น้ำหนาวถูกแองจิล่าวางยา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย