พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 17

นาราภัทรเดินออกจากอพาร์ทเม้นท์เมื่อเหลืออีกไม่กี่นาทีก็ถึงเวลาที่ทางนายจ้างจะมารับเธอไปทำหน้าที่เป็นบาร์เทนดี้ที่งานเลี้ยงวันเกิดของบรรดาเศรษฐีมีเงินแต่ใช้ไม่เป็น

“แองจิล่าเมื่อไหร่จะมาน่ะ อีกไม่กี่นาทีก็ถึงเวลานัดกันแล้ว”

นาราภัทรบ่นพึมพำพยายามชะเง้อมองหาเพื่อนสาวชาวต่างชาติ ก่อนหน้านี้เธอได้นัดแนะกับแองจิล่าไว้แล้วว่าให้มาเจอกันที่หน้าอพาร์ทเม้นท์แต่ป่านนี้แล้วแองจิล่ายังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นสักที หญิงสาวขยับเท้าเข้ามาด้านในของฟุตบาทเมื่อรถเก๋งคันงามขับปราดเข้ามาประชิดเทียบท่ากับทางเดิน

“น้ำหนาว...เราเอง ขึ้นรถสิ” แองจิล่าลดกระจกรถที่ติดฟิล์มค่อนข้างทึบลงแล้วตะโกนเรียกเพื่อนชาวสาวไทย

นาราภัทรเดินเข้าไปใกล้รถเก๋งคันงามพลางชะโงกหน้าถามเพื่อนสาวไม่ยอมขึ้นรถง่ายๆ ตามคำชวนของอีกฝ่าย

“รถคันนี้หรือที่มารับพวกเรา”

“ใช่ น้ำหนาวขึ้นมาก่อนสิเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักลูกน้องของทอมสันเจ้าของงานวันเกิดน่ะ”

แองจิล่ากวักมือเรียกเพื่อนสาวอีกครั้งโดยไม่ยอมลงจากรถ เพราะเธอต้องการให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ที่อาจเป็นเพื่อนเป็นคนรู้จักของนาราภัทรได้รับรู้น้อยที่สุดว่าเธอเป็นคนพานาราภัทรไปงานเลี้ยงวันเกิดของเศรษฐีทอมสันผู้บ้ากาม

“น้ำหนาวเร็วๆ สิ อีกไม่กี่ชั่วโมงงานเลี้ยงก็จะเริ่มแล้ว พวกเราต้องไปเตรียมเครื่องดื่มอีกหลายรายการน่ะ”

เมื่อถูกเพื่อนสาวเร่งเร้าอีกครั้งนาราภัทรจึงเดินอ้อมท้ายรถไปขึ้นรถทางด้านซ้ายมือ และทันทีที่ประตูรถถูกปิดลงเคลื่อนตัวออกจากบริเวณอย่างช้าๆ รถเก๋งหรูหราคันงามซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นสารถีคือเจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ก็เบรกเอี๊ยดจอดข้างๆ ฟุตบาทอย่างรวดเร็ว

“รถคันนี้ใช่ไหมที่มารับเจ้าไปดินเนอร์”

เจ้าชายซารีฟร์พึมพำในลำคอดวงตาคมกริบมองตามรถที่เคลื่อนตัวออกไปก่อนตนเองจะมาถึงแค่ไม่กี่วินาทีโดย

ไม่วางตา

“เจ้าชายจะตามไปหรือเปล่าพะยะค่ะ”

ราชิต รุสดี อัฟซา องครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ซึ่งนั่งคู่อยู่ด้านหน้าได้เอ่ยถามความคิดเห็นของเจ้าเหนือหัว วันนี้เขาทำหน้าที่อารักขาเจ้าชายหนุ่มแต่เพียงผู้เดียวเนื่องจากอาดิลเกิดท้องเสียกะทันหันต้องนอนแซ่วอยู่ที่ห้องชุดเพียงลำพัง

“ตามสิ เราอยากเห็นหน้าไอ้ผู้ชายที่กำลังชะตาขาดบังอาจมาชวนแก้วตาดวงใจของเราออกเดทโดยไม่เกรงใจเราสักนิด”

เจ้าชายซารีฟร์กระชากรถออกอย่างรวดเร็วขับตามรถคันหน้าไปติดๆ พอรถเก๋งคันหน้าขับผ่านร้านอาหารนับสิบๆ ร้านโดยไม่มีท่าทีว่าจะจอดแวะสักร้านแถมขับเลยไปเรื่อยๆ จนเริ่มออกนอกตัวเมืองบอสตันเจ้าชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“มันจะพาน้ำหนาวไปดินเนอร์ที่ไหนกันน่ะ”

“นั่นน่ะสิ เท่าที่กระหม่อมทราบแถวนี้ไม่มีร้านอาหารที่พักแล้ว ส่วนมากก็เป็นพวกบ้านพักของเศรษฐีมีเงินที่มากว้านซื้อที่ดินแถวเนินเขาเพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศ”

การมาอยู่อารักขาเจ้าชายซารีฟร์ในดินแดนถิ่นอื่นที่มิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเองก็ใช่ว่าเหล่าองครักษ์จะทำหน้าที่อารักขาแค่เพียงอย่างเดียว การศึกษาหาข้อมูลภูมิประเทศรวมถึงบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลในเมืองที่มาพำนักอาศัยอยู่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน

“หรือว่ามันจะพาน้ำหนาวไปดินเนอร์ที่บ้านมัน”

ยิ่งคิดยิ่งตั้งคำถามเจ้าชายแห่งทะเลทรายผู้หล่อเหลาก็ยิ่งโมโหโกรธเคืองกัดฟันกรอดๆ กำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเอ็นตรงข้อมือปูดโปน

ราชิตนึกหวาดเสียวขนลุกแทนชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของรถเก๋งคันงามที่ขับอยู่ข้างหน้า ชายหนุ่มคนนี้คงไม่รู้ว่าคุณนาราภัทรเป็นหญิงสาวที่เจ้าชายองค์รองแห่งแผ่นผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ตีตราจับจองไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้บังอาจเข้ามาข้องแวะกับดอกไม้งามทำให้เจ้าชายซารีฟร์ขัดเคืองใจ ซึ่งผลลัพธ์ที่ชายหนุ่มผู้นี้จะได้รับคงออกมาไม่สวยสักเท่าไหร่ถ้าหากได้กระตุกราชสีห์ให้ตื่นจากการหลับใหล

แองจิล่าลอบถอนหายใจยาวเมื่อปีเตอร์คนขับรถของเศรษฐีทอมสันได้ขับรถออกมานอกตัวเมืองบอสตันได้สักพักใหญ่แล้ว ในตอนแรกเธอแอบหวั่นว่านาราภัทรจะเปลี่ยนใจไม่ยอมไปทำหน้าที่เป็นบาร์เทนดี้ที่งานเลี้ยง ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงคนที่ซวยก็คงไม่พ้นตัวเธอแน่

“น้ำหนาว รู้จักคุณปีเตอร์สิ เขาเป็นคนขับรถของคุณทอมสัน เดี๋ยวขากลับปีเตอร์เขาจะเป็นคนส่งพวกเรากลับบ้านด้วย”

นาราภัทรยิ้มบางๆ ไม่ยกมือไหวไม่ยื่นมือไปจับทักทายคนขับรถที่ละสายตาจากท้องถนนหันมามองครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปหรือเปล่าว่าคนขับรถมักจะมองและยิ้มแปลกๆ ตั้งแต่เธอก้าวขึ้นมาบนรถคันนี้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย