พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 32

นาราภัทรเปิดเปลือกตาขึ้นในยามอรุณรุ่งได้อย่างยากลำบากพอขยับกายจะดันตัวขึ้นพิงหัวเตียงก็มีอันต้องร้องครางออกมาเนื่องจากปวดระบบไปทั่วทั้งกาย ดวงตาคู่สวยกวาดมองรอบๆ ห้องนอนใหญ่งดงามจำได้ทันทีว่าห้องนี้เป็นห้องนอนขอเจ้าชายแห่งท้องทะเลทราย หญิงสาวดึงผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นมาห่อตัวจนถึงปลายคางเมื่อรับรู้ได้ว่าเรือนกายตนเองปราศจากอาภรณ์ปกปิดสิ่งสวยงามและอีกไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ได้เห็นเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับประคองถาดอาหารหอมฉุยมาด้วยโดยด้านหลังก็มีองครักษ์อาดิลประคองอ่างแก้วใบขนาดกลางเข้ามาด้วย

“ตื่นแล้วหรือน้ำหนาว เป็นไงบ้าง”

เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยถามน้ำเสียงอบอุ่นวางถาดอาหารลงบนโต๊ะหัวเตียงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ร่างบางพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบแผ่วเบาตรงพวงแก้มที่ยังคงเผือดไร้สีเลือด เขาหันไปรับอ่างแก้วซึ่งบรรจุน้ำแข็งก้อนเล็กๆ กับผ้าขาวสะอาดมาจากอาดิลพร้อมกับโบกมือไล่ให้องครักษ์ออกไปจากห้อง

นาราภัทรขยับกายเข้าหาเจ้าชายหนุ่มเล็กน้อยใบหน้างามดวงตากลมโตเผยความหวาดกลัวให้เห็นเมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

“เจ็บไปทั้งตัวเลยค่ะ เจ้าชายคะ...ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เขาพูดภาษาอาหรับด้วยแล้วเขาเอ่อ...เขาตายแล้วใช่ไหมคะ น้ำหนาวเห็นเลือด...”

“น้ำหนาว...ลืมมันเสียเถอะน่ะ มันเป็นแค่พายุร้ายที่พัดผ่านมาแค่เพียงวูบเดียวเท่านั้นเอง”

เจ้าชายซารีฟร์กระซิบปลอบพรมจุมพิตไปทั่วใบหน้างามหวานก่อนจะวกกลับมาที่เรียวปากอวบอิ่มซึ่งเปิดปากเผยอรอรับจูบตอบด้วยความเต็มอกเต็มใจ

นาราภัทรถอนหายใจปนสะอื้นผละริมฝีปากออกห่างจ้องมองบุรุษอาหรับที่รักยิ่งด้วยสายตาอ้อนวอน

“น้ำหนาวลืมไม่ลง กรุณาบอกน้ำหนาวด้วยเถอะค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมผู้ชายคนนั้นถึงจำเพาะเจาะจงทำร้ายน้ำหนาวด้วย”

“อย่าเพิ่งถามอะไรเลยน่ะน้ำหนาวเดี๋ยวเราจะเอาน้ำแข็งประคบแผลที่ปากให้เจ้าก่อนอาการบวมจะได้ลดลง”

เจ้าชายซารีฟร์หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเบี่ยงกายหลบดวงตากลมโตที่กำลังจ้องมองเค้นเอาคำตอบโดยการหันไปหยิบน้ำแข็งใส่ผ้าขาวสะอาดพอจะเอื้อมไปเช็ดประคบตรงมุมปากให้หญิงสาวก็ถูกมือบางปัดทิ้งเสียก่อน

“เจ้าชายอย่าเลี่ยงด้วยการทำเช่นนี้”

หญิงสาวตวาดเสียงแข็งไม่ยอมให้เจ้าชายซารีฟร์ประคบน้ำแข็งลงมาตรงมุมปากที่แตกจากการถูกตบเมื่อคืน

เจ้าชายหนุ่มแห่งแผ่นผืนทะเลทรายลอบถอนหายใจยาววางผ้าขาวลงในอ่างแก้วเหมือนเดิมจากนั้นก็ลุกเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ มือหนาชะงักครู่หนึ่งขณะกำลังจะหยิบเสื้อเชิ้ตของตนเองมาให้หญิงที่รักใคร่ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเจ็บปวด ดวงตาคมดำสนิทเผยแววรวดร้าวเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนเองและเชษฐาฮารีฟร์ต้องเผชิญต่อสู้ตลอดเวลาของการเป็นเจ้าชายแห่งราชวงศ์อัลนูรีนเป็นเจ้าชายแห่งแผ่นดินทะเลทรายที่มากล้ำด้วยทรัพย์ทางธรรมชาติที่มีมูลค่ามหาศาล เขาจะทนได้หรือถ้าหากน้ำหนาวจากไปพร้อมๆ กับรับรู้ว่าชีวิตของเขานั้นเต็มไปด้วยภยันตรายมากมายเพียงใด เขาจะทนได้หรือถ้าหากชีวิตที่เหลืออยู่ไม่มีหยาดน้ำทิพย์คอยชะโลมใจที่แห้งแล้งดุจดังละอองเม็ดทรายที่แล้งน้ำให้ได้รับความชุ่มชื้นดังเช่นทุกวันนี้ นาราภัทรไม่เคยรักเขาอยู่แล้วและยิ่งได้รู้ว่าตนเองต้องมาเดินบนเส้นทางเลือดโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเธอคงจะหนีไปทันทีที่ได้รับรู้ความจริง

“เจ้าชายคะ” นาราภัทรเอ่ยเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าชายหนุ่มยืนนิ่งขึงอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าเป็นเวลานานหลายนาทีแล้ว

“ใส่เสื้อก่อนสิน้ำหนาว”

เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทถูกยื่นมาตรงหน้าก่อนที่เจ้าของเสื้อจะช่วยสวมให้หญิงสาวด้วยท่าทางสงบนิ่งไร้วี่แววแห่งความปรารถนาเมื่อผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงออกเผยให้เห็นเรือนกายอวบอิ่มงดงาม

“พร้อมที่จะฟังนิทานหรือยังน้ำหนาว” เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยถามเสียงเศร้าๆ

“นิทานงั้นหรือคะ”

น้ำเสียงที่ทวนถามเต็มไปด้วยความงุนงงแต่ก็ไม่ได้รับคำอธิบายเพิ่มเมื่อเจ้าชายซารีฟร์ได้เอื้อนเอ่ยเล่านิทานออกมาด้วยน้ำเสียงติดเศร้าสร้อย

“เบื้องใต้แผ่นดินทะเลทรายในอัลนูรีนนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรที่มีค่ามากกว่าทองคำ เกือบทุกตารางนิ้วในอัลนูรีนมักจะมีสายแร่น้ำมันฝั่งลึกอยู่ในแผ่นดินที่แห้งแล้ง และเพราะน้ำมันเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่ามหาศาลจึงเป็นที่ดึงดูดให้คนละโมบโลภมากต้องการช่วงชิงแผ่นดินทองไปเป็นของตนเอง”

เจ้าชายซารีฟร์แย้มยิ้มเศร้าๆ ให้กับหญิงสาวก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบภาพถ่ายของเจ้าชายน้อยทั้งสามพระองค์ในยามเยาว์วัยมายื่นให้นาราภัทรดูก่อนจะเอ่ยพูดต่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย