พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 33

เจ้าชายซารีฟร์กัดฟันแน่นจะเอื้อนเอ่ยบอกหญิงที่รักเช่นใดดีว่าที่เขาทำกับลอเรนนั้นก็เพียงเพื่อต้องการประชดเธอเท่านั้นเอง

“ถ้าหากเจ้าจะกลับเราก็ไม่ขัดข้อง แต่เราอยากคุยกับเจ้าเรื่องที่คุยกันค้างไว้เมื่อวันก่อน”

“เรื่องอะไรคะ”

ขอบตาที่ร้อนผ่าวหยาดน้ำตาจวนเจียนรินรดพวงแก้มเรือนกายที่ปวดหนึบเพราะความชอกช้ำทำให้หัวสมองของนาราภัทรคิดอะไรไม่ออกไม่รู้ว่าเคยพูดเรื่องอะไรกับเจ้าชายซารีฟร์บ้าง

“เราอยากให้เจ้ามาเป็นแม่บ้านให้เรา เอาแค่อาหารมือเย็นก็ยังดี ถ้าหากเจ้าตกลงเราจะให้อาดิลหรือราชิตไปรับเจ้าที่มหา’ลัยทุกวันเจ้าจะได้ไม่ต้องลำบากเดินทางมาด้วยตนเอง”

ตราบใดที่ทางอัลนูรีนยังไม่สามารถจับกุมท่านอาดีบและลูกสมุนได้หมดตราบนั้นเจ้าชายองค์รองแห่งทะเลทรายก็มิอาจปล่อยให้แก้วตาดวงใจอยู่เพียงลำพังผู้เดียวใด ยิ่งลูกสมุนถูกส่งกลับด้วยร่างที่ปราศจากลมหายใจยิ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับอาดีบหลายเท่า

นาราภัทรเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มเศร้าๆ ทำเอาเจ้าชายหนุ่มถึงกับใจหายหน้าถอดสีเผือด

“น้ำหนาวคงทำอาหารไม่อร่อยทำกับลอเรนและทำอาหารอาหรับไม่เป็นด้วย”

“ไม่เป็นไรอร่อยหรือไม่อร่อยเราก็กินได้ เราชอบกินอาหารไทยชอบกินน้ำพริกปลาทูผักสดเหมือนกับท่านแม่”

เจ้าชายซารีฟร์ยิ้มอบอุ่นดวงตาเปล่งประกายเป็นสุขใจทุกครั้งที่ได้เอ่ยถึงท่านแม่ที่รักยิ่ง พอหันมามองสบตากับดวงตาคู่สวยกลมโตและรู้ว่าหญิงสาวกำลังจะเอ่ยปฏิเสธเช่นเคยจึงได้เอ่ยดักคอไว้ก่อน

“ได้โปรดเถอะน้ำหนาว อย่าปฏิเสธอีกเลย เราไม่อยากให้เจ้าทำงานหนักทนอดหลับอดนอนอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบภาคสุดท้ายของการเรียนแล้วเราอยากให้เจ้าได้พักผ่อนบ้าง เจ้ามาทำอาหารให้เราทานแค่ไม่กี่นาทีเจ้าก็กลับไปอ่านหนังสือต่อได้”

ข้อเสนอที่เอ่ยมาเป็นที่น่าสนใจ แต่การต้องอยู่กับบุรุษชาติอาหรับที่รักยิ่งทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้รักใคร่ใยดีต่อกันสักนิดเป็นสิ่งที่ทำให้นาราภัทรต้องการเอ่ยปฎิเสธ

“เจ้าชายแน่ใจแล้วหรือคะว่าจะให้น้ำหนาวมาทำอาหารให้ทาน น้ำหนาวอาจจะทอดไข่ไม่เป็นเลยก็ได้”

เจ้าชายซารีฟร์หัวเราะฮึๆ ในลำคอกับการโกหกที่ไม่ค่อยเนียบเนียนสักเท่าไหร่

“เราเชื่อว่าเจ้าทำอาหารเป็นและทำอร่อยด้วย ตกลงตามนี้น่ะน้ำหนาว พรุ่งนี้เราจะไปรับเจ้าที่มหา’ลัยหลังจากนั้นเราไปซื้ออาหารสดด้วยกัน”

เมื่อถูกมัดมือชกไม่มีทางเลี่ยงกอปรกับหัวใจดวงน้อยที่โอนเอียงเข้าหาบุรุษหนุ่มหัวใจได้สั่งการให้รับคำนาราภัทรจึงเอ่ยตอบรับในที่สุด

“เจ้าชายไม่ต้องไปรับก็ได้น้ำหนาวมาเองได้ค่ะ”

เจ้าชายแห่งทะเลทรายแย้มยิ้มกว้างกับคำตอบรับ เขาอยากให้กาลเวลาเดินทางถึงพรุ่งนี้โดยเร็วไว เขาอยากเดินจับจ่ายซื้อข้าวของทั่วไชน่าทาวน์ อยากไปทุกๆ ที่ที่มีน้ำหนาวคอยเดินเคียงข้าง

“พรุ่งนี้เรียนเสร็จแล้วเจ้ารอหน้าตึกเราจะไปรับเจ้าด้วยตัวเอง”

“ก็ได้ค่ะ”

น้ำเสียงที่เอ่ยตอบติดห้วนสั้นเล็กน้อย ดวงตากลมโตขึงมองเขียวปัดด้วยความขัดเคืองเมื่อได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการแล้วเจ้าชายซารีฟร์จอมเผด็จการคนเดิมมักจะตามกลับมาพร้อมเสมอ

“น้ำหนาวอยากกลับห้องป่านนี้น้ำค้างเป็นห่วงแย่แล้วให้องครักษ์เจ้าชายไปส่งหน่อยได้มั้ยคะ”

“ได้สิ เจ้าเข้าไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวเราจะสั่งให้ราชิตไปซื้อเสื้อผ้าชุดตัวใหม่มาให้เจ้า”

เจ้าชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับช่วยประคองให้ร่างบางระหงก้าวลงจากเตียงรอจนกระทั้งหญิงสาวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วจึงได้เดินออกจากห้องไปสั่งงานกับองครักษ์เอก

นาราภัทรมองภาพสะท้อนของตนเองในกระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องน้ำหรูและเมื่อเห็นมีคราบเลือดที่จำได้ติดตาว่าเป็นของชายอาหรับผู้ชะตาขาดเกาะติดตามเส้นผมใบหน้าและลำคอจึงรีบเปิดน้ำอุ่นชะล้างคราบแห่งความชั่วร้ายน่าหวาดกลัวออกไปจากเรือนกายของตนเอง

หลังจากสั่งให้ราชิตไปซื้อชุดตัวใหม่มาให้นารภัทรแล้วเจ้าชายซารีฟร์ก็เสียเวลาอยู่กับการฟังผลรายงานจากห้องแล็บซึ่งอาดิลเพิ่งได้รับมาสดๆ ร้อนๆ เกี่ยวกับขวดเจียระไนบรรจุน้ำใสสะอาดที่ค้นเจอจากตัวของลูกน้องอาดีบพอกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งก็มีอันต้องชะงักกึกเบิกตากว้างลมหายใจขาดห้วงเมื่อเข้ามาเห็นจังหวะที่ผ้าขนหนูผืนใหญ่สีดำสนิทหลุดร่วงตามแรงโน้มท่วงของโลกลงมากองอยู่กับพื้นห้อง

“อุ้ย!...”

นาราภัทรร้องออกมาเบาๆ เมื่อผ้าขนหนูที่คิดว่ามัดรอบกายไว้แน่นได้หลุดร่วงลงขณะที่กำลังใช้ผ้าขนหนูอีกผืนเช็ดเส้นผมตนเองอยู่

“โอ...น้ำหนาว...เจ้าคิดจะแกล้งเราหรือไง”

เจ้าชายหนุ่มนักรักร้องครางขบฟันแน่นเรือนกายที่สงบนิ่งตั้งชันเด่นสง่าขึ้นมาฉับพลันขณะจ้องมองแผ่นหลังเปล่าเปลือยงดงามเรื่อยมาจนถึงก้นงามงอนปลีน่องเรียวยาวขาวผ่อง

นาราภัทรหันขวับเมื่อได้ยินเสียงร้องครางของเจ้าชายซารีฟร์จากนั้นก็รีบคว้าผ้าขนหนูมาปกปิดร่างกายเหมือนเดิมแต่ผ้าขนหนูที่จะใช้ปกปิดเรือนกายไม่ทันได้ถูกหยิบขึ้นมาร่างบางระหงงดงามกลมกลึงก็ตกอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เจ้าชาย...ปล่อยน้ำหนาวเถอะค่ะ”

หญิงสาวพึมพำร้องขอเบาๆ พยายามไม่มองสบตากับดวงตาคมกริบที่กำลังทอดมองด้วยเพลิงแห่งเสน่หาเนื่องจากกลัวเจ้าชายซารีฟร์จะเห็นความต้องการเห็นประกายแห่งไฟพิศวาทที่เธอเองก็ต้องการจนร้อนผ่าวไปทั้งเรือนกาย

“น้ำหนาว...เจ้าเกิดมาเพื่อร่ายมนต์เพลิงรักใส่เราใช่ไหม”

เจ้าชายซารีฟร์กระซิบเสียงแหบแห้งกับเรียวปากอวบอิ่ม มือหนาทั้งสองโอบกอดไปรอบเอวบางคอดกิ่วดุนดันแผ่นหลังขาวเนียนให้แนบชิดกับท่องไฟร้อนผะผ่าวให้มากยิ่งขึ้น

“น้ำหนาวไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”

นาราภัทรกระซิบประท้วงเสียงสั่นเทา หัวใจเต้นตุบๆ ราวกับจะทะลุออกมานอกกายขณะที่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งซึ่งบดเบียดกับกุหลาบหวานฉ่ำ มือบางพยายามยันแผงอกกว้างให้ถอยออกห่างแต่ยิ่งผลักเรือนกายกำยำก็ยิ่งโอบกอดรัดแนบแน่นมากกว่าเดิม

“เราคิดถึงเจ้า ขอเราเถอะน่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย