อภิชาตลูกเขย นิยาย บท 10

รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของดิเรกทันทีที่พิมมาและฟานปรากฏตัวขึ้น เขาถอนหายใจอย่างเย็นชาและไม่ยอมมองไปที่พวกเขา

“พิมมา มานั่งก่อนสิ” ลีต้อนรับลูกสาวของเขาเข้ามางานเลี้ยง โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นพอดี ดังนั้นเขาจึงขอตัวออกจากห้องไปเพื่อรับสายด้วยยิ้มที่รู้สึกผิด

“ไอ้ขยะนี่ ทำไมเขามีโทรศัพท์เยอะจัง เพื่อนสวะ ๆ ที่ไหนโทรหาเขาอีหล่ะ” หนิงหนิงพูดอย่างเย็นชาและจากนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่จะพูด “ใช่แล้ว คุณปู่คะ หนูเกือบลืมแหนะ หนูมีเรื่องจะรายงานค่ะ เมื่อกี้นี้นายน้อยของตระกูลจรัสภักดีมาที่ออฟฟิศของหนูเพื่อประชุมทางธุรกิจ แต่เขาถูกฟานและภรรยาตีต่อยตอนที่เขาออกจากตึก”

อะไรนะ

เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ บรรดาแขกที่กำลังทานมื้อค่ำก็เงยหน้าของพวกเขาขึ้น

“พวกเขาทำร้ายนายน้อยแห่งจรัสภักดีเหรอ”

“พวกเขาบ้าหรือเปล่า”

“เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลจริสภักดีและเป็นทายาทของจรัสภักดีคอร์ปอเรชั่นนะ!”

“พ่อของคือจรินทร์ จรัสภักดี เขาเคยเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งในเมืองหยุนโจว เขามีอำนาจมากและก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านอลันด้วย”

“นั่นคือท่านอลัน นายใหญ่แห่งเมืองหยุนโจว!”

“เขาเป็นคนที่มีภูมิหลังที่ทรงอำนาจมาก แล้วไอ้เศษสวะนี่ไปต่อยเขาจริง ๆ เหรอ”

“พวกเขากำลังพยายามทำลายตระกูลของเรา!”

สมาชิกตระกูลทิพย์บดีต่างก็หน้าซีดด้วยความตกใจ แม้แต่ดิเรกเองก็หน้าซีดเซียวเหมือนคนป่วยไปด้วย

จริสภักดีคอร์ปอเรชั่นเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของเมืองหยุนโจวและสินทรัพย์ของบริษัทก็มีมูลค่าหลายพันล้าน เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว บริษัทขนส่งสินค้าของตระกูลทิพย์บดีมีมูลค่าเพียงแค่ไม่กี่สิบล้านเท่านั้น จรัสภักดีคอร์ปอเรชั่นอยู่เหนือตระกูลทิพย์บดีมาก และเป็นรุ่นใหญ่ที่ตระกูลทิพย์บดีไม่ควรมีเรื่องด้วย

ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของลีก็ซีดขาวราวกับศพ

“คุณปู่คะ เราแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น เด็กรวยจากจรัสภักดีคนนั้นลวนลามหนูก่อน” พิมมาอธิบาย

“นี่ เธออย่าสับสนว่าอะไรถูกอะไรผิดสิ นายน้อยภิรัชก็แค่หยอกเล่นเท่านั้น แต่เธอหัวรั้นและใจแคบเอง เธอเลยไม่เข้าใจว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก เธอไม่เพียงช่วยสามีไร้น้ำยาของเธอรุมต่อยตีเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอกำลังกล่าวหาเขาอย่างผิด ๆ ว่าเขาลวมลามเธออีกด้วย”

หนิงหนิงยิ้มอย่างสะใจ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นสงสารแล้วหันไปพูดกับดิเรกว่า “คุณปู่คะ คุณปู่ต้องช่วยหนูนะคะ หนูต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการรักษาความสัมพันธ์กับจริสภักดีคอร์ปอเรชั่น วันนี้นายน้อยภิรัชกำลังจะเซ็นสัญญากับหนูอยู่แล้ว แต่หลังจากเรื่องที่พวกเขาก่อ ความพยายามหลายเดือนที่ผ่านมาของหนูก็หายวับไปกับตา” หนิงหนิงใส่ไฟ

เมื่อวรรณาได้ยินว่าธุรกิจของลูกสาวเธอได้รับผลกระทบ เธอก็โกรธมาก “ครอบครัวแกตั้งใจจะทำลายตระกูลทิพย์บดีเหรอไงกัน”

“ตอนนั้นเราน่าจะไล่พวกเขาออกจากตระกูลทิพย์บดีซะก็ดี ตลอดหลายปีมานี้พวกเขาอาศัยอยู่กับเรา แต่ถึงอย่างงั้นพวกเขาก็ไม่รู้จักบุญคุณและยังก่อปัญหาอยู่เรื่อย ๆ ตอนนี้แม้แต่สิ่งที่หนิงหนิงของฉันหามาให้เราก็หายวับไปกับตาด้วย”

“พวกผู้หญิงสวยนี่เป็นตัวปัญหาจริง ๆ!” วรรณาด่าอย่างโมโห

“นั่นสิ ฉันบอกไปแล้วว่าเราไม่ควรเก็บผู้หญิงคนนี้ไว้ใกล้ตัว เธอเป็นตัวปัญหา!”

“ตอนนั้นเธอเกือบจะทำลายตระกูลเรา และตอนนี้เธอสร้างปัญหาอีกแล้วเหรอ” ญาติคนอื่น ๆ ก็เข้ามาต่อว่าพิมมาด้วย

ดิเรกหันมามองเธอด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว “พิมมา แกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปบ้างไหม”

“คุณปู่คะ หนูไม่รู้ว่าหนูทำอะไรผิด คุณปู่จะฟังความแค่ด้านเดียวเหรอคะ...”

“หุบปาก! แกยังไม่สำนึกผิดอีกเหรอ แกบอกว่าแกไม่รู้ว่าทำผิดอะไร งั้นขอถามอะไรหน่อย แกกับสามีแกทำร้ายนายน้อยภิรัชจริงไหม”

“ฉันถามแกอีกครั้ง คำสั่งซื้อของหนิงหนิงโดนยกเลิกเพราะสิ่งที่พวกแกทำไปใช่ไหม”

“สุดท้ายตระกูลทิพย์บดีของเราต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะสิ่งที่แกทำงั้นเหรอ” ดิเรกลุกขึ้นยืน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความโกรธ เขาตกอยู่ในอารมณ์โกรธหลังจากถามคำถามสามข้อติดกัน และเขาจะไม่ให้โอกาสพิมมาแก้ตัว

“พ่อคะ ยังจะต้องถามอีกเหรอคะ เมื่อกี้นี้มันยอมรับว่าทำร้ายนายน้อยภิรัชเองไม่ใช่เหรอ แค่เพราะเรื่องล้อเล่นตลก ๆ มันกับสามีมันต้องโกรธถึงขั้นรุมทำร้ายนายน้อยภิรัชเลยเหรอ”

“ยัยผู้หญิงคนนี้นี่นะ เธอโดนเอาใจมากเกินไป วันนี้เราควรจะให้เธอคุกเข่าลงขอโทษเรา” ลาภ พี่ชายคนที่สี่ของตระกูลมองด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

“ใช่แล้ว คุกเข่าและขอโทษหนิงหนิงซะ!”

“ขอโทษตระกูลซะ”

“ไล่พวกเขาออกจากตระกูลทิพย์บดีไปเลย”

หนิงหนิงกับวรรณาและสมาชิกตระกูลทิพย์บดีที่เหลือต่างก็กระตือรือร้นที่จะเหยียบย่ำพิมมามา ขณะที่พวกเขาด่าว่าเธอ พวกเขายังเรียกร้องให้ขับไล่พิมมาและครอบครัวของเธอออกไปด้วย แบบนั้นพวกเขาจะได้ส่วนแบ่งมรดกของครอบครัวในอนาคตที่มากขึ้น

เมื่อลีได้ยินเสียงเรียกร้องให้ไล่ออกจากตระกูล เขากลัวจนแทบเสียสติ ดังนั้นเขาเลยอ้อนวอนขอความเมตตาจากพ่อของเขา และเขาก็สั่งให้พิมมาขอโทษด้วย

“พิมมา คุกเข่าลงเร็ว ๆ สิ มัวอะไรอยู่เล่า”

“แกอยากเห็นพ่อและแม่ของแกอดตายอยู่ข้างถนนหรือไง” ลีกรีดร้องอย่างขมขื่น

ทันใดนั้นพิมมา ก็กลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของทุกคน ทุกคนตะโกนใส่เธอ พวกเขาต้องการให้เธอคุกเข่าขอโทษ

ตอนนี้พิมมารู้สึกเสียใจอย่างไม่น่าเชื่อ เธอหันไปมองพ่อ ปู่และญาติของเธอด้วยขอบตาแดงก่ำ เธอไม่เข้าใจว่าทำไม ทำไมพวกเขาถึงฟังแต่หนิงหนิงและไม่ให้โอกาสเธอให้เล่าด้านของเธอบ้างเลย

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมญาติของเธอถึงไม่แสดงความห่วงใยต่อเธอเลย แต่กลับเลือกที่จะเข้าข้างคนนอกอย่างภิรัช

อาจเป็นเพราะหนิงหนิงมีสามีที่ร่ำรวยและมีอำนาจมาก ในขณะที่เธอยากจนและไร้ประโยชน์

อาจเป็นเพราะภิรัชมาจากครอบครัวที่ทรงอำนาจ ในขณะที่เธอกับฟานเป็นแค่คนธรรมดา

บรรดาแขกที่มาชุมนุมกันต่างก็กรีดร้องไม่หยุด และขณะที่เธอโดนโจมตีจากทุกฝ่าย พิมมาก็หัวเราะออกมา เธอหัวเราะอย่างสงสาร น้ำตาของเธอไหลออกมา

ในตอนนั้นพิมมารู้สึกว่าโลกได้ทอดทิ้งเธอไปแล้ว

เธอต้องยอมจำนนต่อโชคชะตาของเธอ ความจริงมันช่างโหดร้าย ถ้าคุณไม่มีทรัพย์สินหรืออำนาจก็ไม่มีใครสนใจศักดิ์ศรีของคุณหรอก

ในที่สุดพิมมาก็ก้มศีรษะและเริ่มคุกเข่าลง เธอกำลังจะคุกเข่าต่อหน้าญาติ ๆ ของเธอ

ตอนที่ 10 ศัตรูหมายเลขหนึ่ง 1

ตอนที่ 10 ศัตรูหมายเลขหนึ่ง 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อภิชาตลูกเขย