ณ บ้านของตระกูลทิพย์บดี
หลังจากที่ฟานและพิมมาออกไป บรรดาแขกที่เหลือก็ฉลองกันต่อยกเว้นก็แต่ลี หลังจากที่ลูกสาวตัวเองทะเลาะกับญาติๆ บรรยากาศงานมันก็น่าอึดอัดเกินไปสำหรับเขา เขาเลยหาข้ออ้างปลอมๆขึ้นมาเพื่อออกจากงานไป
“ครอบครัวของลีนี่ไร้ประโยชน์จริง ๆ ลูกสาวเขาน่ะดื้อด้านส่วนลูกเขยก็เป็นสวะไร้ค่า พวกเขาทำให้เราขายหน้าไปเต็ม ๆ” หลังจากที่ลีกลับไป ก้องภพ ลูกชายคนโตของตระกูลก็พูดจาเยาะเย้ยน้องชายของเขา
“พี่เขยคะ จะพูดถึงพวกเขาขึ้นมาทำไมกัน วันนี้เป็นวันมงคล อย่าอารมณ์เสียกันเลยค่ะ” วรรณาเข้ามาร่วมวงสนทนาและพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง จากนั้นเธอก็ส่งยิ้มให้ลูกเขยตัวเอง วสิน อย่างอบอุ่น
“วสิน ทำไมลูกไม่ให้ของขวัญปู่หน่อยล่ะ ซื้ออะไรมาเหรอ บอกพวกเราหน่อยสิ ปู่เขาจะได้ดีใจ”
“ใช่ วสิน เราทุกคนก็อยากรู้ บอกเราหน่อยนะ” น้องชายคนสุดท้องของตระกูลทิพย์บดียิ้มแย้มระหว่างมองไปที่วสิน
ญาติคนอื่นๆก็ตามน้ำเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับของขวัญจากวสินเช่นเดียวกัน
“ฮ่าฮ่า คอยดูกันดีกว่าครับ ของขวัญกำลังมา พอพวกมันมาถึง ทุกคนก็จะได้รู้เองแหละครับ”
“ผมสัญญาว่าปู่จะต้องเซอร์ไพรส์แน่ครับ” วสินพูดอย่างมั่นใจขณะที่หนิงหนิงกอดแขนเขา
เนื่องจากเมื่อวานครอบครัวหนิงหนิงได้รับของขวัญแพงๆมามากมายจากตระกูลชัชวาล พวกมันได้เสริมสร้างบารมีให้แก่หนิงหนิงเป็นอย่างมาก เธอจึงพอใจในตัวคู่หมั้นของตัวเอง
บรรยากาศในบ้านของตระกูลทิพย์บดีค่อยๆคึกครื้นขึ้นเรื่อย ๆ อารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นจากการทะเลาะกันเมื่อครู่นี้ก็ได้หายไป
“วสินดูมั่นใจกับของขวัญเขามากเลยนะ งั้นเธอคิดว่าตัวเองพอจะเอาชนะพี่เขยตัวเองได้ไหมล่ะ ปีนั้นเขาให้ภาพวาดราคาแพงของศิลปินที่มีชื่อเสียงกับเรา ปู่เขาดีใจจนยิ้มหน้าบานไปตั้งหลายวัน ตอนนี้ภาพนั้นก็แขวนอยู่ในห้องทำงานของเขา ปู่เขาชอบดูมันทุกวันเลยนะ” ก้องภพกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
วสินส่ายหน้าปฏิเสธ “ลุงอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ของขวัญไม่ควรตัดสินกันที่ราคา มันเป็นแค่สิ่งยืนยันความชื่นชมของผมที่มีในตัวปู่เท่านั้นครับ ตราบใดที่มีความใส่ใจอยู่ในของขวัญชิ้นนั้น ไม่ว่าผมจะให้อะไรผมก็มั่นใจว่าปู่ต้องดีใจแน่ ๆ ครับ”
“ฮ่าฮ่า เธอพูดถูกแล้ววสิน ฉันนี่คิดตื้นไปจริงๆ” ก้องภพตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะ
สมาชิกในตระกูลคนอื่นๆก็ชื่นชมวาทศิลป์และความละเอียดอ่อนของวสินเช่นเดียวกัน
แม้ทั้งสองจะพูดออกมาแบบนั้น ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังคงแข่งขันกันเรื่องโอ้อวดความร่ำรวยอยู่ดี
โดยเฉพาะหนิงหนิงที่เป็นคนชอบโอ้อวด เธอจึงฝักใฝ่ในเรื่องนี้มากกว่าใครๆ เธอได้บอกกับวสินไปแล้วว่าต้องให้ของมีค่า ไม่งั้นเธอก็จะต้องขายหน้าต่อหน้าญาติๆ
“วสิน เธอจะให้อะไรฉันก็ไม่สำคัญหรอกตราบใดที่เธอใส่ใจกับมัน ลืมเรื่องของขวัญไปเถอะ อย่ามาเสียเงินกับฉันเลย การที่ได้เธอมาเป็นหลานเขยฉันก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว” ดิเรกสงวนท่าทีและยิ้มให้วสินระหว่างที่กล่าวชมเขาอย่างอ่อนโยน
“ผมจะทำอย่างงั้นได้ยังไงล่ะครับ ผมต้องให้ของขวัญสิครับถึงจะทำหน้าที่หลานเขยได้อย่างสมบูรณ์”
“ปู่นั่งพักเถอะครับ เซอร์ไพรส์กำลังจะมาถึงในเร็วนี้แหละครับ”
วสินกล่าวอย่างมั่นใจ
พอคนอื่นๆได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็เอ่ยชมเขากันอีกรอบ
“วสินนี่ช่างคิดจริงๆเลย”
“เขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวยแถมยังรู้จักบุญคุณอีก ลาภ ครอบครัวนายนี่โชคดีจริงที่ได้ลูกเขยอย่างเขา”
“หนิงหนิงได้สามีที่ประเสริฐจริงๆ!”
“เพ่ยเพ่ย ฟังนะ ถ้าถึงเวลาที่เธอต้องหาสามี ต้องหาให้ได้แบบวสินนะ เขาทั้งหล่อ มีความสามารถ แถมมีอนาคตอีก”
“มาเถอะพวกเรา มาดื่มฉลองกัน”
สมาชิกตระกูลทิพย์บดีต่างเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุขและรักใคร่กลมเกลียวกันอยู่ที่สนามหน้าบ้าน
วสินยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจเพราะได้รับคำชมจากทุกคน ส่วนหนิงหนิงก็ได้โอ้อวดจนสมใจ เนื่องจากบรรดาญาติๆได้ยกยอทั้งวสินและหนิงหนิง ทั้งสองจึงรู้สึกเบิกบานใจอย่างมากราวกับว่าพวกเขาได้มาถึงจุดสูงสุดของชีวิต
พอลาภมองไปที่ลูกเขยสุดประเสริฐของเขาก็ยิ้มไม่หุบ ช่างเป็นช่วงเวลาอันสุขสันต์ของครอบครัวเขาเสียจริง
ระหว่างแขกทุกคนกำลังสนุกสนานไปกับงาน พ่อบ้านก็เดินเข้ามาแจ้งว่ารถมาถึงแล้ว
“ฮ่าฮ่า”
“มาแล้วครับปู่ ของขวัญที่หลานเขยคนนี้เตรียมไว้ให้มาถึงแล้วครับ”
วสินยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้มและรีบสั่งให้พวกคนรับใช้นำของขวัญเข้ามา
“ว้าว ใหญ่จัง!”
“วสิน มันคืออะไรเหรอ”
“อย่าบอกนะว่ามีผู้หญิงสวยๆอยู่ในนั้น เธอคลุมผ้าสีแดงไว้ด้วยนี่นา”
หลังจากนั้นไม่นานชายรูปร่างกำยำหลายคนก็นำของขวัญเข้ามาในโถงจัดงาน
บรรดาแขกเหรื่อพากันทึ้งเมื่อได้เห็นของขวัญ มันมีความกว้างประมาณ 2 เมตร และสูงประมาณครึ่งเมตร ดูคล้ายๆกับกล่องสี่เหลี่ยมแต่พอโดนคลุมด้วยผ้าสีแดง พวกเขาก็เดาไม่ออกเลยว่ามันคืออะไร
“วสิน เธออย่าบอกนะว่ามีผู้หญิงสวยๆอยู่ในนั้นจริงๆ ปู่เธอก็อายุมากแล้วคงใช้ของขวัญไม่ได้หรอก” ก้องภพพูดจาหยอกล้อกับวสินจนทำให้ทุกคนหัวเราะ ส่วนดิเรกเองก็ดุลูกชายคนโตของเขาเบา ๆ
ในระหว่างที่เหล่าสมาชิกตระกูลทิพย์บดีพากันหัวเราะแต่วสินกลับทำหน้านิ่วเพราะเขาคิดว่ารูปร่างของของขวัญมันแปลกๆ
“คงเป็นเพราะกล่องของขวัญละมั้ง”
วสินพึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วยิ้มตอบว่า “ฮ่า ๆ ลุงหยุดเดาเถอะครับ รอดูดีกว่า เดี๋ยวผมจะเปิดให้ดูเองครับ”
จากนั้นวสินก็จูงมือหนิงหนิงมาด้านหน้าท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่าญาติๆ ทั้งสองโค้งศีรษะทำความเคารพดิเรกที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ประธาน “ขอบคุณครับปู่ที่เลี้ยงหนิงหนิงมาให้เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม โปรดยอมรับการโค้งคำนับของหลานเขยคนนี้ด้วยครับ”
“เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณของผม หนิงหนิงกับผมขอมอบต้นสนที่มีใบเขียวตลอดทั้งปีจากหนานซานให้กับคุณปู่ครับ ขอให้คุณปู่ได้รับโชคก้อนใหญ่และอายุยืนนานนะครับ!”
วสินและหนิงหนิงโค้งคำนับพร้อมกัน
ดิเรกยิ้มกว้างจนปากฉีกถึงใบหูแล้วตะโกนเสียงดังว่า “เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ”
“วสิน เธอนี่ช่างคิดจริงๆ”
แขกคนอื่นๆจึงเอ่ยชมวสินและหนิงหนิงตามรอยดิเรกอย่างไม่ขาดสาย
หนิงหนิงเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจและมองไปที่คู่หมั้นของเธออย่างมีความสุข
ทั้งวรรณาและลาภต่างรู้สึกเป็นเกียรติเพราะพวกเขาพอใจที่ได้หน้าจากของขวัญของลูกเขย
“เอาผ้าคลุมออก!”
วสินผายมือออกคำสั่งแบบวางมาดท่ามกลางคำชมจากแขกเหรื่อและเสียงหัวเราะของดิเรก
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อคนรับใช้นำผ้าคลุมสีแดงออก ของขวัญที่ปรากฎไม่ใช่ต้นสนแต่กลับเป็นโลงศพแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อภิชาตลูกเขย