เข้าสู่ระบบผ่าน

อภิชาตลูกเขย นิยาย บท 11

ณ บ้านของตระกูลทิพย์บดี

หลังจากที่ฟานและพิมมาออกไป บรรดาแขกที่เหลือก็ฉลองกันต่อยกเว้นก็แต่ลี หลังจากที่ลูกสาวตัวเองทะเลาะกับญาติๆ บรรยากาศงานมันก็น่าอึดอัดเกินไปสำหรับเขา เขาเลยหาข้ออ้างปลอมๆขึ้นมาเพื่อออกจากงานไป

“ครอบครัวของลีนี่ไร้ประโยชน์จริง ๆ ลูกสาวเขาน่ะดื้อด้านส่วนลูกเขยก็เป็นสวะไร้ค่า พวกเขาทำให้เราขายหน้าไปเต็ม ๆ” หลังจากที่ลีกลับไป ก้องภพ ลูกชายคนโตของตระกูลก็พูดจาเยาะเย้ยน้องชายของเขา

“พี่เขยคะ จะพูดถึงพวกเขาขึ้นมาทำไมกัน วันนี้เป็นวันมงคล อย่าอารมณ์เสียกันเลยค่ะ” วรรณาเข้ามาร่วมวงสนทนาและพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง จากนั้นเธอก็ส่งยิ้มให้ลูกเขยตัวเอง วสิน อย่างอบอุ่น

“วสิน ทำไมลูกไม่ให้ของขวัญปู่หน่อยล่ะ ซื้ออะไรมาเหรอ บอกพวกเราหน่อยสิ ปู่เขาจะได้ดีใจ”

“ใช่ วสิน เราทุกคนก็อยากรู้ บอกเราหน่อยนะ” น้องชายคนสุดท้องของตระกูลทิพย์บดียิ้มแย้มระหว่างมองไปที่วสิน

ญาติคนอื่นๆก็ตามน้ำเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับของขวัญจากวสินเช่นเดียวกัน

“ฮ่าฮ่า คอยดูกันดีกว่าครับ ของขวัญกำลังมา พอพวกมันมาถึง ทุกคนก็จะได้รู้เองแหละครับ”

“ผมสัญญาว่าปู่จะต้องเซอร์ไพรส์แน่ครับ” วสินพูดอย่างมั่นใจขณะที่หนิงหนิงกอดแขนเขา

เนื่องจากเมื่อวานครอบครัวหนิงหนิงได้รับของขวัญแพงๆมามากมายจากตระกูลชัชวาล พวกมันได้เสริมสร้างบารมีให้แก่หนิงหนิงเป็นอย่างมาก เธอจึงพอใจในตัวคู่หมั้นของตัวเอง

บรรยากาศในบ้านของตระกูลทิพย์บดีค่อยๆคึกครื้นขึ้นเรื่อย ๆ อารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นจากการทะเลาะกันเมื่อครู่นี้ก็ได้หายไป

“วสินดูมั่นใจกับของขวัญเขามากเลยนะ งั้นเธอคิดว่าตัวเองพอจะเอาชนะพี่เขยตัวเองได้ไหมล่ะ ปีนั้นเขาให้ภาพวาดราคาแพงของศิลปินที่มีชื่อเสียงกับเรา ปู่เขาดีใจจนยิ้มหน้าบานไปตั้งหลายวัน ตอนนี้ภาพนั้นก็แขวนอยู่ในห้องทำงานของเขา ปู่เขาชอบดูมันทุกวันเลยนะ” ก้องภพกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

วสินส่ายหน้าปฏิเสธ “ลุงอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ของขวัญไม่ควรตัดสินกันที่ราคา มันเป็นแค่สิ่งยืนยันความชื่นชมของผมที่มีในตัวปู่เท่านั้นครับ ตราบใดที่มีความใส่ใจอยู่ในของขวัญชิ้นนั้น ไม่ว่าผมจะให้อะไรผมก็มั่นใจว่าปู่ต้องดีใจแน่ ๆ ครับ”

“ฮ่าฮ่า เธอพูดถูกแล้ววสิน ฉันนี่คิดตื้นไปจริงๆ” ก้องภพตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะ

สมาชิกในตระกูลคนอื่นๆก็ชื่นชมวาทศิลป์และความละเอียดอ่อนของวสินเช่นเดียวกัน

แม้ทั้งสองจะพูดออกมาแบบนั้น ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังคงแข่งขันกันเรื่องโอ้อวดความร่ำรวยอยู่ดี

โดยเฉพาะหนิงหนิงที่เป็นคนชอบโอ้อวด เธอจึงฝักใฝ่ในเรื่องนี้มากกว่าใครๆ เธอได้บอกกับวสินไปแล้วว่าต้องให้ของมีค่า ไม่งั้นเธอก็จะต้องขายหน้าต่อหน้าญาติๆ

“วสิน เธอจะให้อะไรฉันก็ไม่สำคัญหรอกตราบใดที่เธอใส่ใจกับมัน ลืมเรื่องของขวัญไปเถอะ อย่ามาเสียเงินกับฉันเลย การที่ได้เธอมาเป็นหลานเขยฉันก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว” ดิเรกสงวนท่าทีและยิ้มให้วสินระหว่างที่กล่าวชมเขาอย่างอ่อนโยน

“ผมจะทำอย่างงั้นได้ยังไงล่ะครับ ผมต้องให้ของขวัญสิครับถึงจะทำหน้าที่หลานเขยได้อย่างสมบูรณ์”

“ปู่นั่งพักเถอะครับ เซอร์ไพรส์กำลังจะมาถึงในเร็วนี้แหละครับ”

วสินกล่าวอย่างมั่นใจ

พอคนอื่นๆได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็เอ่ยชมเขากันอีกรอบ

“วสินนี่ช่างคิดจริงๆเลย”

“เขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวยแถมยังรู้จักบุญคุณอีก ลาภ ครอบครัวนายนี่โชคดีจริงที่ได้ลูกเขยอย่างเขา”

“หนิงหนิงได้สามีที่ประเสริฐจริงๆ!”

“เพ่ยเพ่ย ฟังนะ ถ้าถึงเวลาที่เธอต้องหาสามี ต้องหาให้ได้แบบวสินนะ เขาทั้งหล่อ มีความสามารถ แถมมีอนาคตอีก”

“มาเถอะพวกเรา มาดื่มฉลองกัน”

สมาชิกตระกูลทิพย์บดีต่างเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุขและรักใคร่กลมเกลียวกันอยู่ที่สนามหน้าบ้าน

วสินยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจเพราะได้รับคำชมจากทุกคน ส่วนหนิงหนิงก็ได้โอ้อวดจนสมใจ เนื่องจากบรรดาญาติๆได้ยกยอทั้งวสินและหนิงหนิง ทั้งสองจึงรู้สึกเบิกบานใจอย่างมากราวกับว่าพวกเขาได้มาถึงจุดสูงสุดของชีวิต

พอลาภมองไปที่ลูกเขยสุดประเสริฐของเขาก็ยิ้มไม่หุบ ช่างเป็นช่วงเวลาอันสุขสันต์ของครอบครัวเขาเสียจริง

ระหว่างแขกทุกคนกำลังสนุกสนานไปกับงาน พ่อบ้านก็เดินเข้ามาแจ้งว่ารถมาถึงแล้ว

“ฮ่าฮ่า”

“มาแล้วครับปู่ ของขวัญที่หลานเขยคนนี้เตรียมไว้ให้มาถึงแล้วครับ”

วสินยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้มและรีบสั่งให้พวกคนรับใช้นำของขวัญเข้ามา

“ว้าว ใหญ่จัง!”

“วสิน มันคืออะไรเหรอ”

“อย่าบอกนะว่ามีผู้หญิงสวยๆอยู่ในนั้น เธอคลุมผ้าสีแดงไว้ด้วยนี่นา”

หลังจากนั้นไม่นานชายรูปร่างกำยำหลายคนก็นำของขวัญเข้ามาในโถงจัดงาน

บรรดาแขกเหรื่อพากันทึ้งเมื่อได้เห็นของขวัญ มันมีความกว้างประมาณ 2 เมตร และสูงประมาณครึ่งเมตร ดูคล้ายๆกับกล่องสี่เหลี่ยมแต่พอโดนคลุมด้วยผ้าสีแดง พวกเขาก็เดาไม่ออกเลยว่ามันคืออะไร

“วสิน เธออย่าบอกนะว่ามีผู้หญิงสวยๆอยู่ในนั้นจริงๆ ปู่เธอก็อายุมากแล้วคงใช้ของขวัญไม่ได้หรอก” ก้องภพพูดจาหยอกล้อกับวสินจนทำให้ทุกคนหัวเราะ ส่วนดิเรกเองก็ดุลูกชายคนโตของเขาเบา ๆ

ในระหว่างที่เหล่าสมาชิกตระกูลทิพย์บดีพากันหัวเราะแต่วสินกลับทำหน้านิ่วเพราะเขาคิดว่ารูปร่างของของขวัญมันแปลกๆ

“คงเป็นเพราะกล่องของขวัญละมั้ง”

วสินพึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วยิ้มตอบว่า “ฮ่า ๆ ลุงหยุดเดาเถอะครับ รอดูดีกว่า เดี๋ยวผมจะเปิดให้ดูเองครับ”

จากนั้นวสินก็จูงมือหนิงหนิงมาด้านหน้าท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่าญาติๆ ทั้งสองโค้งศีรษะทำความเคารพดิเรกที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ประธาน “ขอบคุณครับปู่ที่เลี้ยงหนิงหนิงมาให้เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม โปรดยอมรับการโค้งคำนับของหลานเขยคนนี้ด้วยครับ”

“เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณของผม หนิงหนิงกับผมขอมอบต้นสนที่มีใบเขียวตลอดทั้งปีจากหนานซานให้กับคุณปู่ครับ ขอให้คุณปู่ได้รับโชคก้อนใหญ่และอายุยืนนานนะครับ!”

วสินและหนิงหนิงโค้งคำนับพร้อมกัน

ดิเรกยิ้มกว้างจนปากฉีกถึงใบหูแล้วตะโกนเสียงดังว่า “เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ”

“วสิน เธอนี่ช่างคิดจริงๆ”

แขกคนอื่นๆจึงเอ่ยชมวสินและหนิงหนิงตามรอยดิเรกอย่างไม่ขาดสาย

หนิงหนิงเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจและมองไปที่คู่หมั้นของเธออย่างมีความสุข

ทั้งวรรณาและลาภต่างรู้สึกเป็นเกียรติเพราะพวกเขาพอใจที่ได้หน้าจากของขวัญของลูกเขย

“เอาผ้าคลุมออก!”

วสินผายมือออกคำสั่งแบบวางมาดท่ามกลางคำชมจากแขกเหรื่อและเสียงหัวเราะของดิเรก

แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อคนรับใช้นำผ้าคลุมสีแดงออก ของขวัญที่ปรากฎไม่ใช่ต้นสนแต่กลับเป็นโลงศพแทน

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อภิชาตลูกเขย