เปรี้ยง~
สายฟ้าฟาดลงมาผ่านท้องฟ้าที่มีฝนตกกระหน่ำ
ในตอนนี้เองที่ดิเรกฟื้นขึ้นในห้องของเขา ณ โรงพยาบาลแห่งเมืองหยุนโจว สมาชิกตระกูลทิพย์บดีจึงมารวมตัวกันอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่ วรรณาร้องไห้โฮ ส่วนหนิงหนิงก็ก้มหน้าเงียบและวสินก็กำลังคุกเข่าเป็นการขอโทษด้านหน้าเตียงของดิเรก
อย่างไรก็ตามของขวัญของวสินก็ได้สร้างความสะพรึงกลัวให้กับดิเรก เขาเลยล้มป่วยอย่างรุนแรงหลังจากการ “เซอร์ไพรส์” ถ้าเขาไม่ได้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างทันเวลา เขาก็คงตายไปแล้ว
โชคยังดีที่ดิเรกฟื้นตัวจากอาการช็อก มิฉะนั้นวสินคงต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง
“พ่อ ได้โปรดหาทางช่วยก้องภพและลาภทีเถอะค่ะ เราไม่ได้ข่าวพวกเขามาเลยตลอดทั้งคืน พวกเขาจะโดนจับเข้าคุกไหมคะ แล้วจะโดนยิงเป้าประหารไหมคะ”
“เพ่ยเพ่ย ยังเด็กอยู่เลย เขาต้องการพ่อนะคะ”
ลูกสะใภ้คนโตของตระกูลร้องไห้ร้องห่มขณะอ้อนวอนพ่อตา ส่วนวรรณาก็เช็ดน้ำตาออกจากดวงตาที่แดงก่ำของเธอ
ถึงแม้ว่าตระกูลทิพย์บดีจะมีลูกหลานมากมาย แต่คนที่สามารถพึ่งพาได้จริงๆก็มีแค่ก้องภพและลาภ หากพวกเขาหายไป ตระกูลนี้คงล่มสลาย
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว!”
“พวกเธอก็เอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างเดียว ถ้าพวกเธออยากจะร้องไห้ต่อก็ออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้!”
วรรณาและผู้ติดตามที่กำลังโศกเศร้าต่างตกใจในคำพูดที่รุนแรงจึงหุบปากเงียบในทันที
แล้วดิเรกก็มองไปที่วสินที่กำลังนั่งคุกเข่าและพูดกับเขาอย่างแรงว่า “นายลุกขึ้นได้แล้ว”
“ปู่ ผมขอโทษเรื่องเมื่อวานจริงๆครับ”
วสินกำลังจะพูดต่อแต่ดิเรกก็โบกมือเพื่อตัดบทแล้วพูดขึ้นมาว่า “นายไม่ต้องพูดอะไรหรอก มันไม่ใช่ความผิดของนาย มีคนที่กำลังจ้องเล่นงานตระกูลเราอยู่ต่างหาก”
ดิเรกเป็นคนที่อยู่วงการนี้มานาน เขาจึงย่อมสังเกตได้ว่าเรื่องนี้มีจุดที่น่าสงสัยอยู่หลายอย่าง
“อะไรนะ มีคนกำลังเล่นงานตระกูลเราเหรอคะ”
“ใครกันล่ะ”
“ช่วงนี้บริษัททิพย์บดีโลจิสติกส์ไม่ได้ไปมีเรื่องกับคนมีอิทธิพลที่ไหน และเราก็ไม่มีคู่แข่งทางธุรกิจในเมืองหยุนโจวเลยนะ”
“แล้วใครล่ะที่กำลังเล่นงานตระกูลเรา!”
วรรณาและเหล่าญาติๆผู้หญิงต่างหวั่นวิตกขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายของพวกเธอสั่นเทิ้ม น้ำตาก็ไหลอาบหน้าแก้ม
“หุบปาก!”
“ผู้หญิงอย่างพวกเธอนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ พวกเธอนี่ดีแต่จะทำให้ฉันรำคาญ” ดิเรกที่หัวเสียอยู่แต่เดิม ยิ่งฟังเสียงพวกเธอร้องไห้ระงมมีแต่จะทำให้เขาโมโหยิ่งขึ้นไปอีก
“คิดดูดีๆซิ พวกเธอเคยไปทำให้ใครโกรธหรือเปล่า ศัตรูไม่ใช่อยู่ ๆ จะโผล่มาเองนะ มันต้องมีสาเหตุที่พวกเขามาเล่นงานเราแบบนี้สิ” ดิเรกถามขึ้นพร้อมมองไปที่คนในตระกูลของเขา
ทั้งหนิงหนิงและพิมมาล้วนส่ายหน้าปฏิเสธ พวกเธอจำไม่ได้เลยว่าเคยไปมีเรื่องกับผู้มีอิทธิพลที่ไหนจะเคยก็แต่รังแกคนไร้ทางสู้อย่างฟาน แต่คนอ่อนแออย่างเขาคงไม่มีอำนาจอะไรมาแก้แค้นตระกูลทิพย์บดีได้หรอก
“เดี๋ยวนะคะ ปู่ ต้องเป็นฝีมือพิมมากับไอ้สวะไม่ได้เรื่องอย่าง ไอ้ฟานแน่ ๆ ค่ะ”
“ต้องเป็นฝีมือพวกเขาแน่”
“เมื่อวานพวกมันไปหาเรื่องนายน้อยแห่งตระกูลจรัสภักดี จากนั้นเรื่องหายนะพวกนี้ก็เกิดขึ้นกับพวกเรา มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ค่ะ”
“พวกตระกูลจรัสภักดีต้องมาแก้แค้นเราเพราะสิ่งที่พิมมากับฟานทำไว้แน่ ๆ ต้องเป็นฝีมือตระกูลจรัสภักดีที่มาแก้แค้นตระกูลเราแน่เลยค่ะ”
หนิงหนิงโพล่งเรื่องจริงที่เธอเพิ่งนึกออกมาได้
วสินตามน้ำไปและพูดว่า “ต้องใช่แน่ครับ พวกตระกูลจรัสภักดีต้องเตรียมโลงศพไว้เพื่อแก้แค้นเราแน่ พวกเขาเป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองหยุนโจว แล้วพวกเขาก็มีท่านอลันเป็นคนหนุนหลัง ในเมืองหยุนโจวมีคนมีอิทธิพลไม่กี่คนเท่านั้นครับที่สามารถทำเรื่องเลวร้ายแบบเมื่อวานนี้ได้ มีน้อยมากก็จริงแต่ตระกูลจรัสภักดีต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่ ๆ ครับ”
“ไอ้เด็กเหลือขอฟานกับนังเด็กเวรพิมมา! เป็นเพราะพวกมันแน่ ที่สามีฉันโดนจับก็เป็นความผิดของพวกมัน พ่อคะ เราต้องไม่ปล่อยให้ตัวปัญหาอย่างพวกมันรอดไปได้นะคะ” วรรณาที่ดวงตาแดงก่ำ พูดขึ้นอย่างชั่วร้าย
ทุกคนต่างเห็นด้วยและโทษว่าเป็นความผิดของพวกเขาทั้งสองเช่นกัน
ดิเรกที่มีสีหน้าเคร่งขึมออกคำสั่งอย่างเลือดเย็น “ไปเอาตัวนังเด็กอกตัญญูพิมมามาให้ฉัน”
เขาโกรธจนพูดด้วยเสียงสั่นๆ
พิมมาได้รับสายเรียกเขาขณะที่ฟานกำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวเพราะเขามีหน้าที่ในการทำงานบ้านในฐานะลูกเขยปรสิต
“พิมมา อาหารเช้าพร้อมแล้วนะ”
ไม่กี่นาทีต่อมาฟานก็จัดโต๊ะทานอาหารเสร็จ เขาเลยเรียกพิมมาและครอบครัวมาทานอาหารเช้า
“เลิกตะโกนได้แล้ว พิมมาออกไปข้างนอกแล้ว”
“เอ๊ะ เธอไปไหนเหรอครับ ยังเช้าอยู่เลยแถมฝนยังตกอีก” ฟานถามขึ้นพร้อมทำหน้านิ่ว
หงส์ตอบกลับอย่างเย็นชา “ฮะ ลูกสาวฉันต้องคอยรายงานแกตลอดเวลาออกไปข้างนอกหรือไง”
เนื่องจากแม่สะใภ้ของเขากำลังโกรธจัด ฟานเลยปิดปากเงียบ แต่พิมมาก็ไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลยจนถึงช่วงกลางวันจึงทำให้ฟานเป็นกังวลอย่างมา
พอตกตอนเย็นพิมมาก็ยังไม่กลับ ฟานเลยพยายามโทรหาเธอแต่ก็ไม่มีใครรับ ความกังวลของเขาเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นฝนที่ตกอยู่ด้านนอก ในระหว่างที่เขากำลังจะออกไปตามหาเธอที่บ้านของตระกูลทิพย์บดีนั้น เสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น
คนที่โทรเข้ามาคือหนิงหนิง
“ฟาน ไปที่คฤหาสน์ของตระกูลจรัสภักดีแล้วไปรับตัวภรรยาแกที่ประตูหน้าซะ เธอไม่ใช่เจ้าหญิงที่ไหนเสียหน่อย แต่อ่อนแอถึงขนาดคุกเข่าแค่แป๊ปเดียวก็เป็นลมล้มไปเนี่ยนะ ฉันนี่หมดคำจะพูด!”
“ถ้าทนรับผลกรรมไม่ได้ ก็อย่าก่อเรื่องตั้งแต่ทีแรกสิยะ คราวนี้พวกแกมาทำให้เราตกต่ำไปด้วย พวกแกนี่มันตัวซวยจริงๆ”
หนิงหนิงยิ้มออกมาอย่างเลือดเย็นระหว่างที่กำลังพูดจาเยาะเย้ยฟานและพิมมา
อะไรนะ
“พิมมาไปที่บ้านของตระกูลจรัสภักดีเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อภิชาตลูกเขย