พิมมายิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอรู้สึกว่าการได้อยู่ในอ้อมกอดของฟานกับฟังเสียงของเขาทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจราวกับว่าเธอโดนโลกใบนี้โอบกอดเอาไว้
“ฟาน ฉันขอโทษนะที่ตลอดสามปีที่ผ่านมานี้ เธอต้องมาขายหน้าเพราะญาติๆของฉัน ฉันขอโทษจริงๆ ครั้งนี้ฉันไม่อยากให้เธอต้องมายุ่งกับเรื่องของตระกูลทิพย์บดีและต้องมาขายหน้าอีกแล้ว”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ทุกคนต่างหาเรื่องฟาน พวกเขาทำให้ฟานขายหน้าแถมพ่อแม่เธอยังว่าเขาว่าไร้ประโยชน์ ส่วนตัวเธอเองก็โดนว่าในแบบเดียวกัน
แต่พิมมารู้ดีว่าคนที่ทำให้เขาตกต่ำก็คือเธอและครอบครัวของเธอเอง
ตอนนั้นเธอเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเอาฟานเข้ามาในชีวิตในฐานะลูกเขยปรสิต ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ปานนี้เขาคงมีชีวิตที่มีความสุขไปแล้ว
พิมมากระซิบขอโทษฟาน พอเขาได้ยินเสียงอันอ่อนแรงของเธอก็รู้สึกว่าหัวใจแทบจะสลาย
เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนเข้มแข็งแค่ไหน พิมมาจะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาก็ต่อเมื่อเธออยู่ในช่วงที่อ่อนแอที่สุดเท่านั้น
เนื่องจากฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง ฟานจึงโอบกอดพิมมาไว้แน่นขึ้นและพูดว่า “พิมมา เธอไม่ต้องขอโทษหรอก เธอเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่ดีที่สุดสำหรับฉัน เกียรติที่สูงที่สุดในชีวิตฉันคือการได้เป็นสามีของเธอ”
ฟิ้ว~
ในตอนนี้เองที่รถเบนซ์ขับผ่านมาด้วยความเร็วจนทำให้น้ำฝนกระเด็น “นี่ นายใช่ลูกเขยปรสิตหรือเปล่า นายนี่มันสวะชัดๆ ปล่อยให้เมียตัวเองมาคุกเข่าขอความเมตตาแทนตัวเองเนี่ยนะ ทีนี่แกรู้แล้วใช่ไหมว่าความกลัวมันเป็นยังไง ถ้าทนรับผลกรรมไม่ได้ ก็อย่าก่อเรื่องตั้งแต่ทีแรกสิ”
“ฉันเคยเตือนแกไปแล้วนี่ว่าฉันไม่ใช่คนที่สวะไร้ประโยชน์อย่างแกจะมาหาเรื่องได้”
ภิรัช จรัสภักดี มองฟานอย่างเยาะเย้ยและรังเกียจ
ไอ้สวะไร้ประโยชน์นี้มาแต่งงานกับผู้หญิงที่เลิศเลออย่างพิมมาได้ยังไงกันนะ
“แต่ฉันไม่ได้คิดจะปล่อยแกไปนะ ถ้าแกให้เมียแกนอนกับฉันคืนนี้ ฉันสัญญาว่าทุกอย่างในตระกูลทิพย์บดีจะกลับมาเป็นปกติ”
ภิรัชยิ้มอย่างเลือดเย็นและส่งสายตามองพิมมาด้วยความหลงใหล
แน่นอนว่าภิรัชโกหกฟานเพราะเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องที่เกิดกับตระกูลทิพย์บดีเลย ตอนนี้อำนาจของตระกูลจรัสภักดีตกอยู่ในเงื้อมือของพ่อเขา ฉะนั้นภิรัชจึงไม่มีอำนาจในการทำให้ตระกูลใดล่มสลาย
แต่สำหรับภิรัชแล้วจะมีหรือไม่มีอำนาจก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่เขาได้นอนกับพิมมา เขาก็ไม่แยแสเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลทิพย์บดีอยู่แล้ว
ทันทีที่ฟานได้ยินแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมา
“เอ๊ะ”
“ไอ้ลูกเขยปรสิต แกหัวเราะเรื่องอะไร ใครอนุญาตให้แกหัวเราะมิทราบ” ภิรัชรำคาญเสียงหัวเราะของฟานเขาเลยด่ากลับ
ฟานส่ายหน้าปฏิเสธแล้วตอบกลับว่า “โถ ภิรัชเนาะ ภิรัช ฉันนี่อยากจะหัวเราะให้ฟันหลุดเพราะนายมีตาแต่กลับมองไม่เห็นความยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้านายเลยน่ะสิ!”
“นายรู้ไหมว่าคนที่อยู่ตรงหน้านายคือใคร แล้วนายรู้ไหมว่าวันนี้นายมาทำให้คนแบบไหนโกรธ ในสายตาของฉัน ตระกูลทิพย์บดีไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย ตระกูลจรัสภักดีก็เหมือนกันและแม้แต่อลันแห่งหยุนโจวก็เป็นแค่ทาสของฉันเท่านั้น!”
ขณะที่ฟานกำลังยืนอยู่อย่างสง่างามท่ามกลางฝนตกหนัก เขากลับพูดเสียงดังฟังชัดราวกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังกังวานไปทั่วท้องฟ้า
ทายาทของตระกูลจรัสภักดีแน่นิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ณ ช่วงเวลานั้นเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากคำประกาศกร้าวของฟาน
ฟานที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เหมือนกับเสือที่เผยให้เห็นคมเขี้ยวของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ฟานสร้างแรงกดดันจนภิรัชตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่รู้ตัวจนดูเหมือนกับว่าฟานไม่ใช่ลูกเขยปรสิตไร้ค่าของตระกูลทิพย์บดีอีกต่อไป แต่เป็นทายาทของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ไม่ใช่แค่ภิรัชที่เป็นเช่นนั้น ข้างๆพวกเขาทั้งสอง พิมมาที่มีสีหน้าซีดเผือดและอ่อนแรงก็ช็อกเหมือนกันที่เห็นว่าฟานเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เขายังใช่ฟานคนเดิมอยู่หรือเปล่านะ
“ไอ้เวร!”
“ไอ้ปัญญาอ่อน”
“ไอ้โง่เอ้ย!”
หลังจากที่ภิรัชช็อกไปชั่วครู่ เขาก็กลับมาได้สติและเริ่มด่าฟาน
“ฉันมีตาแต่กลับมองไม่เห็นความยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้างั้นเหรอ”
“แกมันก็แค่ไอ้โง่คนนึง!”
“แกคิดว่าตระกูลทิพย์บดีไม่สำคัญ ตระกูลฉันก็ไม่สำคัญและท่านอลันก็เป็นแค่คนรับใช้แกงั้นเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อภิชาตลูกเขย