ฟานถามคะนิ้ง พนักงานธนาคารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด
คะนิ้งมองไปที่ฟานที่แต่งตัวเชย ๆ และแสดงความรังเกียจต่อเขาทันที เธอคิดว่าเขาดูเหมือนคนบ้านนอกและน่าจะเป็นชาวนาหรือไม่ก็คนงานที่มาทำงานในเมือง
“บัตรคิวเหรอ ออกไปข้างนอกแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไป 200 เมตรจะมีธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นอยู่ ทำไมคุณไม่ไปรับบัตรคิวที่นั่นล่ะ”
“ธนาคารฮงฉีของเราเป็นธนาคารรดับนานาชาติ เราให้บริการกับคนชนชั้นสูงเท่านั้น คนบ้านนอกไม่ต้อนรับ”
ดวงตาของคะนิ้งเต็มไปด้วยความดูถูก เธอไม่แม้แต่จะมองไปที่ฟานด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นมืออาชีพของเธอ เธอคงจะเพิกเฉยต่อคนบ้านนอกอย่างเขาและปล่อยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่เขาออกไปแล้ว
ถอนเงินงั้นเหรอ
เขาไม่อายบ้างเหรอที่จะมาถึงที่นี่และถอนเงินแค่ 2-3 ร้อย
ธนาคารฮงฉีเป็นสถานที่ที่คนบ้านนอกสามารถมาใช้บริการได้ด้วยหรือ
รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของฟาน คิ้วของเขาหมวดขึ้นเป็นปม
“คุณคะ คุณจะทำธุรกรรมอะไร เราไปรับบัตรคิวกันดีไหมคะ” สกายเดินเข้าไปหาฟานีด้วยรอยยิ้มสดใส รองเท้าส้นสูงของเธอกระทบลงบนพื้นเบา ๆ ขณะที่เธอเดินไปหาเขา
“เหอะ ทำเป็นทำตัวเป็นมิตรกับพวกคนจน คนประเภทเดียวกันก็ต้องอยู่ด้วยสินะ” คะนิ้งดูถูกคนจนอย่างฟาน และสกาย เธอรู้สึกรังเกียจที่ต้องทำงานร่วมกับคนบ้านนอก
เธอพูดถากทางยังไม่ทันจบดี ก็มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเดินเข้ามาในธนาคาร พอคะนิ้งเห็นพวกเขา สายตาดูถูกเหยียดหยามของเธอก็หายไป และเธอก็เริ่มเข้าไปประจบคนที่มาใหม่
“ผู้จัดการโยธา มาแล้วเหรอคะ”
โยธาพยักหน้าตอบรับ มือข้างหนึ่งของเขาถือโทรศัพท์และอีกข้างก็ยุ่งอยู่กับการกอดเอวบางของผู้หญิงที่มากับเขา “ฉันมาถอนเงินนิดหน่อยน่ะ เร็ว ๆ หน่อยนะ ตอนนี้ฉันกำลังรีบ ฉันต้องไปงานประมูลชั้นนำต่อ”
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวลเลยค่ะผู้จัดการโยธา คุณเป็นลูกค้าวีไอพีของเรา ดังนั้นเราจะให้ความสำคัญของธุรกรรมของคุณก่อนอยู่แล้วค่ะ” คะนิ้งยิ้มอย่างประจบประแจง ท่าทางเธอตอนนี้ตรงกันข้ามกับท่าทางดูหมิ่นที่เธอแสดงต่อฟานก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
และจากนั้นเธอก็เอาบัตรประชาชนของโยธาไปที่ตู้รับบัตรคิว ฟานยังคงยืนอยู่หน้าตู้และพยายามหยิบการ์ดออกมา แต่คะนิ้งก็ผลักเขาออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“คะนิ้ง เธอทำอะไรน่ะ” คุณฟานยังไม่ได้รับบัตรคิวของเขาเลยนะ” สกายกล่าวและปกป้องสิทธิ์ของฟาน
คะนิ้งพูดอย่างดูหมิ่นว่า “เขาเป็นแค่คนบ้านนอก บอกเขาให้หลีกทางและรอไปก่อน ผู้จัดการโยธาเป็นลูกค้าวีไอพีของเราและเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทจดทะเบียนด้วย เด็กฝึกงานอย่างเธอจะทำให้เขาไม่พอใจเหรอ”
แน่นอนว่าคะนิ้งไม่สนใจคำร้องเรียนของพวกเขา
ฟานคิ้วขมาวดมากกว่าเดิมและเขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “ฉันมาถึงก่อน ทำไมฉันต้องรอด้วยล่ะ”
เมื่อคะนิ้งได้ยินแบบนั้น เธอก็หัวเราะออกมา
“เหอะ คนไร้ค่าอย่างคุณอวดดีไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง”
“คุณเป็นแค่คนบ้านนอกยากจน คุณไม่อายเหรอที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้จัดการโยธา”
“ผู้จัดการโยธาทำธุรกรรมกับธนาคารของเราเกือบสิบล้านต่อปีเลยนะ แล้วคุณล่ะ ฉันพนันได้เลยว่าตลอดชีวิตของคุณคงไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดหรอก เพราะงั้นคุณจะเปรียบเทียบตัวเองกับผู้จัดการโยธาได้ยังไง”
“ออกไปดี ๆ แล้วเลี้ยวซ้ายที่ตรงทางเข้า และไปที่ธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นนั่นเถอะ นั่นคือที่ที่พวกชาวนากับคนงานแบบคุณกับคุณควรจะไปตั้งแต่แรก”
ดวงตาของคะนิ้งเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เธอหัวเราะเยาะเย้ยและเดินไปหาโยธา
“คะนิ้ง เกิดอะไรขึ้น ธนาคารฮงฉีเป็นธนาคารชั้นสูงไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงปล่อยให้พวกบ้านนอกข้ามาได้” โยธาขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นฟาน
ราวกับว่าเขารังเกียจที่จะยืนข้างคนอย่างฟาน
โยธาชินกับการอยู่เหนือกว่าคนอื่น ดังนั้นเขาเลยเริ่มเชื่อว่าเขาเหนือกว่าคนอื่นจริง ๆ
คะนิ้งอธิบายอย่างรีบร้อนว่า “ผู้จัดการโยธาไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้ค่ะ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
โยธาส่งเสียงตอบรับและพยักหน้า “โอเค ทำเรื่องถอนเงินให้ฉันๆด้แล้ว ฉันจะถอนเงินครึ่งล้าน แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เดี๋ยวฉันก็จะได้เงินหนึ่งล้านจากกองทุนโครงการของฉันในอีกไม่กี่วันแล้วฉันจะมาฝากเงินทั้งหมดที่ธนาคารของเธอ”
พนักงานธนาคารต้องทำยอดเงินฝากรายเดือนให้ได้ตามเป้าเพราะเงินโบนัสของพวกเขาขึ้นอยู่กับยอดเหล่านั้น ดังนั้นเมื่อคะนิ้งได้ยินคำสัญญาของผู้จัดการโยธา เธอก็ดีใจมากและรีบดำเนินการถอนเงินให้เขา แต่เธอหันกลับไปเยาะเย้ยฟานอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไป
“ตอนนี้คุณเห็นความแตกต่างรึยังล่ะ เขาสามารถถอนเงินครึ่งล้านได้ง่าย ๆ แบบนั้นเลย แล้วคุณล่ะ คุณจะถอน 50 หรือ 100 ดีล่ะ”
“ฮ่าฮ่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อภิชาตลูกเขย