วารุณีทำท่ายักไหล่ และไม่คิดที่จะตอบคำถาม
ปาจรีย์ปาดน้ำตาที่ซึมออกมาจากหางตา หัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้นว่า “ โอ้แม่เจ้า ฉันหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว พิชญา นี่เธอทักคนผิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ยังอยากจะร่วมงานกับคุณจรณ์อีกเหรอเนี่ย !”
“เธอหมายความว่าไง?”พิชญาหัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ
ทักคนผิด?
หรือว่า……
พิชญารีบหันกลับไปมองที่เลขาฯเสกข์ ถามด้วยเสียงแหลมไปว่า“ คุณไม่ใช่คุณจรณ์!”
“ผมเป็นเลขาของคุณจรณ์ครับ”เลขาฯเสกข์ยกยิ้ม
พิชญากำหมัดแน่น แล้วตะโกนไปว่า“ นายไม่ใช่คุณจรณ์แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ?”
ทำให้เธอต้องขายหน้าต่อหน้าวารุณีกับปาจรีย์สองคนนี้ได้
เลขาฯเสกข์ทำท่าแบมือออกอย่างไม่เจตนา “ คุณผู้หญิง ไม่ใช่ว่าผมไม่บอก แต่คุณไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดเลยด้วยซ้ำ ผมจะพูดอยู่สองสามครั้งแต่ก็ถูกคุณพูดขัดตลอด แล้วจะให้ผมทำยังไง ?”
“ก็นั้นนะสิ”ปาจรีย์พูดเสริม “เป็นเพราะเธอที่เข้ามา ไม่ถามให้ชัดเจน ตอนนี้ยังจะมาโทษคนอื่น ไม่คิดบ้างเหรอว่าเป็นความผิดของหรือเปล่า คนแบบเธอ ใครจะกล้าร่วมงานด้วย”
เลขาฯเสกข์พยักหน้าหงึกๆ“คุณปาจรีย์พูดถูก ต้องขออภัยคุณผู้หญิงคนนี้ด้วย เราไม่สามารถร่วมงานกับคุณได้”
“เพราะอะไรคะ?”พิชญารู้สึกคาใจ คิ้วผูกกันเป็นปมแน่นจนสามารถฆ่ายุงให้ตายได้
เลขาฯเสกข์ชี้ไปทางวารุณี “เพราะเราได้ตัดสินใจแล้วว่าเราจะร่วมงานกับคุณวารุณี”
“อะไรนะ?”พิชญาเสียงสูง แล้วจ้องเขม็งไปที่วารุณีด้วยความโกรธ
วารุณีมองกลับไปที่เธอ แล้วยิ้มออกมา
รอยยิ้มนี้ในสายตาของพิชญา คือรอยยิ้มที่โอ้อวดและท้าทายเธอ
เธอโมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว กำไปที่กระเป๋าถือแน่น แล้วหันหลังเดินออกไป
เธอไม่ปล่อยมันไปแบบนี้ง่ายๆแน่ เธอต้องให้วารุณีได้รู้ ว่าจุดจบของการแย่งงานเธอนั้นมันเป็นยังไง
แล้วยังคุณจรณ์อะไรนั้นอีกคน เธอจะทำให้เขาต้องเสียใจกับการตัดสินใจของเขาในวันนี้
“วารุณี เธอดูท่าทีที่อิจฉาตาร้อนของพิชญานั้นสิ น่าเกลียดจริงๆ!” ปาจรีย์มองไปยังทิศทางที่พิชญาเดินไป แล้วพูดกับวารุณี
“พอได้แล้ว เขาเป็นคนยังไง เธอก็น่าจะรู้ดีนี่น่า จะไปไม่สนใจเขาทำไม”วารุณีวางถ้วยชาลงแล้วลุกขึ้นยืน ยกยิ้มให้เลขาฯเสกข์แล้วพูดขึ้นว่า“เลขาฯเสกข์ พรุ่งนี้เราจะรอคุณที่สตูดิโอนะคะ ตอนนี้คงต้องขอตัวก่อนแล้ว”
“ได้ครับ ทั้งสองคนเดินทางปลอดภัยนะครับ”เลขาฯเสกข์เดินมาส่งที่ประตู แล้วเปิดประตูให้พวกเขา
ปาจรีย์พยุงวารุณีเดินออกไป และกำลังจะไปยังห้องพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการของข้อเท้า
เมื่อพวกเธอมาถึงที่หน้าลิฟต์ ทั้งสองคนก็เห็นว่าพิชญายังอยู่ไม่ได้ไปไหน และกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าลิฟต์ตัวหนึ่ง
เมื่อเห็นพวกเธอเดินมา พิชญาก็ดูราวกับตกใจมาก รีบวางสายไปทันที
เมื่อเห็นภาพนี้ ปาจรีย์ก็หรี่ตาลง “โอ้ พอเรามาถึงก็รีบวางสาย คงไม่คิดจะทำเรื่องอะไรผิดๆอีกใช่ไหม ?”
“เกี่ยวอะไรกับเธอไม่ทราบ!”พิชญาโต้กลับเสียงดัง
ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก และเธอก็กำลังจะก้าวขาเดินเข้าไป
ปาจรีย์สีหน้าเคร่งขรึมแล้วร้องห้ามเอาไว้ “หยุด!”
พิชญาหยุดลงอย่างไม่รู้ตัว แล้วหันกลับมา “ทำไม?”
“ทำไมเหรอ ? ก็ต้องคิดบัญชีนะสิ !”ปาจรีย์ยิ้มเยาะออกมา จับร่างของวารุณีไปพิงไว้กับกำแพง “วารุณีเธอยืนอยู่ที่นี่ก่อน ”
วารุณีรู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร ตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง แล้วมือค้ำยันไปที่ผนัง เอาร่างพิงไปกับกำแพง
เมื่อปาจรีย์เห็นว่าวารุณียืนนิ่งแล้ว ก็ปล่อยมือแล้วเดินไปหาพิชญา ง้างมือขึ้นแล้วตบไปที่ใบหน้าของหญิงสาว
เสียงดังเพี้ยะ พิชญาโดนตบจนมึน มือกุมไปที่ใบหน้าสักพักก็ได้สติ ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “เธอกล้าตบฉันเหรอ?”
วารุณีเองไม่คิดว่าปาจรีย์จะป่าเถื่อนได้ขนาดนี้ เสียงตบที่ดังอย่างชัดเจนนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าปาจรีย์ใช้แรงไปมากแค่ไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...