เช้าวันนั้น วารุณีกำลังกินอาหารเช้าอยู่ จู่ๆก็มีสายหนึ่งโทรมา
เธอวางตะเกียบลงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เห็นเป็นประธานวรวีโทรมา จึงรีบรับ
“ปาจรีย์ เตรียมข้อมูลเรียบร้อยหรือยัง ตอนบ่ายมาศาลกี่โมงครับ?”ประธานวรวีถามอยู่ที่ปลายสาย
วารุณีมองซองเอกสารบนโต๊ะน้ำชา ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า:“เตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ บ่ายโมงจะขับรถไปนะคะ”
“งั้นก็ดี ตอนที่ถึงโทรกลับหาผมด้วย ผมจะให้คนไปรับคุณ พวกเรารวมตัวกันหน่อย ทางด้านผมมีดีไซเนอร์สองสามคนที่ถูกพิชญาคัดลอกผลงานมาด้วย อยากเจอคุณเพื่อเข้าใจสถานการณ์หน่อย”ประธานวรวีพูด
วารุณีตอบอือกลับไป“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
โทรศัพท์เสร็จ เธอก็วางโทรศัพท์ลง
นัทธีที่อยู่ตรงข้ามกำลังแบ่งฮะเก๋าอันหนึ่งให้ไอริณกับอารัณ ถามว่า:“ใครโทรมา?”
“ประธานวรวีค่ะ”หลังจากวารุณีเอาเนื้อหาในโทรศัพท์พูดออกไปรอบหนึ่งแล้ว ก็หยิบตะเกียบขึ้นมาจะคีบกินใหม่อีกครั้ง
จู่ๆ ตะเกียบคู่หนึ่งก็ยื่นเข้ามา จากนั้นเธอก็เห็นในจานของตัวเองมีฮะเก๋าอันหนึ่งเพิ่มเข้ามา
“ขอบคุณค่ะ”วารุณีตะลึงก่อน จากนั้นยิ้มให้นัทธี แล้วพูดขอบคุณ
ตั้งแต่เมื่อวันก่อน ลูกสองคนก็เรียกเขามากินอาหารเช้าได้ตรงเวลาทุกวัน เธอจะขัดขวางก็หมดหนทาง
ใครให้สามวันนี้เป็นเขาที่ส่งเด็กสองคนนี้ไปโรงเรียนเองล่ะ
“ไม่ต้องขอบคุณ รีบกินเถอะ”นัทธีไม่รู้ว่าในใจวารุณีกำลังคิดอะไรอยู่ เอาตะเกียบกลับไปอย่างนิ่งเฉย
วารุณีพยักหน้า คีบซาลาเปาในจานขึ้นมากัดคำหนึ่ง ค่อยๆกินไป
นัทธีเห็นแบบนี้ คิ้วก็อ่อนโยนลง จากนั้นก็คีบให้ตัวเองอันหนึ่ง
กินอาหารเช้าเสร็จ
หลังจากวารุณีสะพายกระเป๋าหนังสือเล็กๆให้ลูกทั้งสองคนแล้ว ก็ดันลูกทั้งสองไปตรงหน้านัทธี“ประธานนัทธี วันนี้ก็ฝากพวกเขาไว้กับคุณด้วยนะคะ”
“ไม่มีปัญหา งั้นพวกเราไปก่อนนะ”นัทธีจูงเด็กสองคนออกไป
วารุณีตามออกไปส่งพวกเขา
มาถึงหน้าลิฟต์ จู่ๆนัทธีก็คิดอะไรขึ้นได้ หยุดฝีเท้าลงเงยมองเธอเล็กน้อย“วันนี้เป็นวันพิจารณาคดีที่พิชญาคัดลอกผลงาน สุภัทรจะต้องไปฟังด้วยแน่ คุณต้องระวังเขา ผมเป็นห่วงว่าหลังจากที่ผลตัดสินออกมาแล้ว เขาจะเหมือนอย่างขยานีก่อนหน้านี้ ระบายความโกรธใส่คุณ”
ได้ยินคำพูดกำชับที่จริงจังของเขา ในใจวารุณีก็รู้สึกอบอุ่น ทัดผมเล็กน้อยตอบกลับว่า:“วางใจเถอะประธานนัทธี ฉันจะระวังค่ะ”
นัทธีเห็นเธอฟังคำพูดของตัวเอง ก็ตอบอือกลับไป และไม่พูดอะไรมาก มือข้างซ้ายข้างขวาจูงเด็กสองคนเข้าไปในลิฟต์
หลังจากพวกเขาไป วารุณีก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมนานนัก หันกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ ทำธุระของตัวเอง
จัดการอะไรเสร็จจนเที่ยงยี่สิบนาที เธอก็วางอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้าในมือลง ไปต้มบะหมี่ชามหนึ่งให้ตัวเองกิน จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกจากบ้านไปศาล
“หือ?”อย่างไรก็ตามตอนที่วารุณีถือกระเป๋า เพิ่งออกมาจากอาคารอพาร์ทเม้นท์ไปได้ระยะหนึ่ง จู่ๆเธอก็รู้สึกว่ามีคนมองตัวเองอยู่ และสายตาเต็มไปด้วยความร้ายกาจ
วารุณีหยุดฝีเท้าลงอย่างไม่รู้ตัว มองไปทางสายตาที่ส่งมานี้ มองเห็นข้างแปลงดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลตรงหน้า มีผู้ชายสองสามคนที่แต่งตัวและทรงผมล้วนเป็นสไตล์ร็อกนั่งอยู่
ผู้ชายสองสามคนนั้นเหมือนจะตระหนักได้ว่าวารุณีเห็นพวกเขาแล้ว หลังจากสบตากันก็ทิ้งก้นบุหรี่แล้วยืนขึ้นมา จากนั้นถูไถฝ่ามือแล้วเดินมาทางวารุณี
วารุณีตระหนักได้ถึงอันตราย ก็ถอยหลังไปก่อนสองก้าว จากนั้นหันกลับวิ่งไป
ผู้ชายสองสามคนนั้นคิดไม่ถึงว่าเธอจะไปเลยแบบนี้ บอกว่าวิ่งก็วิ่งเลย ก็ตะลึงไปก่อน หลังจากได้สติคืนมา ก็ก้าวขาตามไป“รีบตามไป!อย่าให้เธอหนี!”
วารุณีได้ยินเสียงวิ่งมาจากด้านหลัง รู้ว่าพวกเขากำลังไล่ตามตัวเองอยู่ เธอก็ไม่กล้าหันหน้าไป ได้แต่ก้มหน้าพยายามเร่งความเร็ววิ่งไปข้างหน้าอย่างที่สุด
เธอวิ่งด้วยความกลัวไป ก็ตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังไปว่า“ช่วยด้วยค่ะ มีคนมา มีคนตามฉันมา ช่วยด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...