พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 275

“จากนั้นพวกเราก็จะต้องสนับสนุนบริษัทเครื่องแต่งกายอย่างเต็มที่ เอาบริษัทเครื่องแต่งกายนั้นมาผลิตเป็นแบรนด์หรูของประเทศพวกเราเอง”ปาจรีย์ส่ายแก้วชาไปมาแล้วพูด

วารุณีที่ฟังอยู่ก็เข้าใจ พยักหน้าออกไป“ดังนั้นจึงเป็นการแข่งขันระหว่างบริษัทเครื่องแต่งกายใหญ่ๆอีกแล้วสินะ?แค่ชนะได้ ก็จะได้รับการสนับสนุน และมีการสนับสนุนแล้ว ก็จะกลายเป็นแบรนด์หรูได้ในเวลาสั้นๆ”

“ถูกต้อง วารุณีของฉันฉลาดจริง”ปาจรีย์ทำท่ายกนิ้วโป้งใส่

ห้องส่วนตัวด้านข้าง นัทธีที่กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ได้ยินประโยคนี้ ก็หยุดสนทนาทันที คิ้วขมวดขึ้นมา

ลูกค้าที่อยู่ตรงข้ามเห็นเขาจู่ๆเหม่อลอย ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยไปว่า“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับประธานจรณ์?”

”เปล่าครับ ต่อเลย“นัทธีเก็บอารมณ์ความคิดไป แล้วพูดต่อจากคำพูดเมื่อกี๊ต่อไป

ฉากนี้ วารุณีกับปาจรีย์ต่างไม่รู้

วารุณีหัวเราะ แล้วเอามือเท้าหน้าไว้:“แต่ว่าทำไมต้องใช้วิธีการแข่งขันกันแล้วเลือกผู้ชนะมาตัดสินว่าบริษัทไหนด้วยล่ะ?ทำไมไม่สนับสนุนบริษัทเครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไปโดยตรงเลยล่ะ?”

ส่วนนี้ เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

แบรนด์เครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ตอนนี้เป็นแบรนด์หรูสายred blood อยากจะกลายเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodระดับสูงๆ ก็อยู่ใกล้แค่ก้าวเดียว

แบบนั้นก็จะลงแรงไปได้น้อย สามารถทำให้แบรนด์เครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ผลิตเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodได้

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันถามมาแล้ว มีอยู่สองสาเหตุ อย่างแรก ก็คือบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเป็นธุรกิจของตระกูล จะให้ถือหุ้นด้วยไม่ได้ สองก็คือเบื้องหลังแบรนด์เสื้อผ้าของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปนั้นพึ่งพาบริษัทแม่อย่างบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ได้ตัวดีไซเนอร์สักสองสามคนที่ฝีมือไม่เลวมา ก็สามารถกลายเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodได้ตลอดเวลา”ปาจรีย์ยักไหล่แล้วตอบกลับ

วารุณีเงยคางขึ้นทันที“ที่แท้ก็แบบนี้เอง น่าจะอยากผลิตแบรนด์เครื่องแต่งกายแบรนด์หรูสายblue bloodอันดับแรกในประเทศของเราออกมา ก่อนที่เครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปจะกลายเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodสินะ”

“ใช่”ปาจรีย์ดื่มชาไปอีกคำ จากนั้นถามว่า:“วารุณี พวกเราจะไปร่วมลงชิงตำแหน่งนี้ไหม?”

วารุณีหวั่นไหวหน่อยๆ แต่แป๊บเดียว แล้วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง“เมื่อกี๊เธอก็บอกแล้วนี่ เป็นการลงชิงตำแหน่งระหว่างบริษัทด้วยกัน พวกเราเป็นแค่สตูดิโอ จะเข้าร่วมได้ไง?”

แน่นอนว่าเธออยากได้การสนับสนุนจากทุกคน ยังไงมีคนคอยหนุนหลังก็จะทำอะไรได้ง่าย มีการสนับสนุนเงินทุน บางคนก็จะไม่กล้าทำลายความสนใจของพวกเธอ

เรื่องที่สำคัญก็คือ พวกเธอไม่เหมือนบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปที่มีความสามารถที่ซ่อนอยู่ของตัวเอง อยากจะพัฒนาในประเทศได้ดี ก็ได้แต่พึ่งการลงทุน

“พูดก็ถูก”สายตาปาจรีย์หม่นลงทันที“เสียดายที่ฉันไปถามมาด้วยความดีใจอยู่นาน”

วารุณีตบหลังมือเธอ เพื่อปลอบเธอ

ทันใดนั้นปาจรีย์ก็คิดอะไรได้ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา“วารุณี เธอว่าถ้าตอนนี้พวกเราเปลี่ยนสตูดิโอให้เป็นบริษัทเป็นไง?”

วารุณีเงยขึ้นมองเธอเล็กน้อย“อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนเธอเลยนะ พวกเราไม่มีเงิน ตอนแรกทุนจดทะเบียนของสตูดิโอคือยี่สิบล้าน ถ้าเปลี่ยนเป็นบริษัท ทุนจดทะเบียนก็ต้องเพิ่มเป็นเท่าตัว พวกเราหาเงินมาไม่ได้หรอก”

“ดังนั้นพวกเราหมดหนทางลงชิงตำแหน่งเหรอ?”ปาจรีย์มีใบหน้าขมขื่น

วารุณียักไหล่“ก็ไม่ใช่ นอกจากว่าจะดึงการลงทุน”

“เหอะๆ จากสถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ จะดึงการลงทุนได้เท่าไหร่?”ปาจรีย์กลอกตา

วารุณีหัวเราะเบาๆ“ดังนั้น พวกเราอย่าคิดเลย ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ”

ปาจรีย์ถอนหายใจ ไม่พูดจา

ไม่ค่อยเป็นค่อยไป แล้วจะเป็นไงได้ล่ะ?

ตอนนี้เอง จู่ๆประตูห้องส่วนตัวก็เปิดออก เลขาฯ เสกข์เข้ามาจากด้านนอก พูดด้วยใบหน้ารู้สึกขอโทษ:“ขอโทษครับๆ มาสายไปหน่อย”

“ไม่เลยค่ะ”วารุณียืนขึ้นมา ทำท่าเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้ม“พวกเราก็เพิ่งมาได้ไม่นาน เชิญเลขาฯ เสกข์นั่งค่ะ”

ปาจรีย์ดึงเก้าอี้ให้เลขาฯ เสกข์

เลขาฯ เสกข์พูดขอบคุณเสร็จก็นั่งลงไป

วารุณีก็นั่งกลับไป ยื่นอัลบั้มออกแบบให้เขา “เลขาฯ เสกข์ นี่คืออัลบั้มของการประมูลครั้งที่แล้ว คุณดูนะคะว่ามีปัญหาไหม”

“ไม่ดูแล้ว เมื่อวานผมดูเอกสารสแกนแล้ว ประธานจรณ์ของพวกเราพอใจมาก”เลขาฯ เสกข์เอาอัลบั้มออกแบบวางไว้ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้เปิดดู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ