พูดจบ เธอก็ออกไปด้วยความโมโห
วารุณีมองแล้วยิ้มให้นัทธีอย่างทำอะไรไม่ได้“โอเค งั้นพวกเราสองคนส่งเด็กๆไปโรงเรียนละกัน”
นัทธีตอบอือ แสดงออกว่าไม่มีความเห็นใดๆ
ดังนั้นสองสามีภรรยา จึงพาเด็กทั้งสองคนขึ้นรถ ขับไปที่โรงเรียนอนุบาล
จนส่งเด็กทั้งสองคนไปที่โรงเรียนอนุบาลแล้ว นัทธีก็ส่งวารุณีไปที่บริษัท แล้วจึงขับรถไปบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป
ปาจรีย์ไปเยี่ยมพงศกรที่ต่างประเทศแล้ว ทั้งงานเล็กและงานใหญ่ในบริษัท ก็ถูกผลักมาที่วารุณีคนเดียว ทำให้เธอยุ่งจนแทบหัวหมุน
เดี๋ยวต้องแก้ภาพออกแบบที่เหล่าดีไซเนอร์ด้านล่างส่งมาให้ เดี๋ยวก็ต้องติดต่อกับทางโรงงาน สอบถามปัญหาของเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ แล้วก็ยังต้องสู้กับบริษัทเครื่องแต่งกายอื่นๆในอินเทอร์เน็ต เพื่อแย่งชิงโควตาที่ประเทศสนับสนุน จนกระทั่งบ่ายสอง เธอถึงได้มีโอกาสได้พักหายใจ
“ฐานิดา”วารุณีเปิดประตูออฟฟิศ แล้วตะโกนเรียกผู้ช่วยในออฟฟิศที่อยู่ด้านนอก
ฐานิดายืนขึ้นแล้วเดินเข้ามา“พี่วารุณี มีอะไรจะกำชับไหมคะ?”
“เธอช่วยไปซื้อข้าวให้พี่หน่อยสิ”วารุณีทุบไหล่ที่ปวดเล็กน้อย
“ค่ะ”ฐานิดาตอบรับ แล้วออกไปทันที
แป๊บเดียว แค่ครึ่งชั่วโมง ก็ซื้อข้าวกลางวันกลับมา
วารุณีพูดขอบคุณเสร็จ ก็ถืออาหารเที่ยงกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เปิดฝากล่องข้าว แล้วโทรศัพท์ข้างๆก็ดังขึ้นมา
วารุณีเหลือบมอง ก็เห็นเป็นเบอร์แปลกหน้า ด้านล่างเบอร์ไม่มีบันทึกว่าเป็นเบอร์โปรโมตการขาย แต่บันทึกไว้ว่าเป็นเบอร์ของทางการ ดังนั้นเธอจึงไม่ลังเล หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
“ขอโทษนะครับใช่คุณวารุณีไหม?”ชายหนุ่มที่ปลายสายถาม
วารุณีเอาโทรศัพท์แนบไว้ระหว่างหูกับไหล่ ปล่อยมือสองข้างออกเอียงหัวลงแล้วหักตะเกียบออก“ค่ะฉันเอง ขอโทษนะคะคุณคือ?”
“ผมโทรมาจากสถานีตำรวจ”ชายหนุ่มที่ปลายสายตอบ
ตะเกียบที่มือวารุณีหักออกทันที ในใจก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เธอรีบเอาตะเกียบที่หักวางไว้ที่โต๊ะ ใช้มือจับโทรศัพท์ไว้ รีบถามไปว่า“ขอโทษนะคะคุณตำรวจโทรมาหาฉัน มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“มีข่าวร้ายครับ คุณวารุณีกรุณาทำใจดีๆนะครับ”เสียงของตำรวจก็กลายเป็นทุ้มลงเยอะ
ข่าวร้าย?
และยังทำใจดีๆอีก?
หัวใจของวารุณีพองโตขึ้นมาทันที มือที่คว้าโทรศัพท์ไว้ ก็อดไม่ได้ที่จะจับแน่นขึ้นมาเยอะ“ฉันทำใจดีๆไว้แล้ว กรุณาพูดมาเถอะค่ะ”
“ครับ”ตำรวจพยักหน้า จากนั้นถาม:“คุณวรยาใช่แม่ของคุณไหม?”
“ใช่ค่ะ เธอเป็นอะไรคะ?”วารุณีถามอย่างกังวล
คงไม่ใช่ว่าทะเลาะที่ตระกูลศรีสุขคํา แล้วตระกูลศรีสุขคําแจ้งความ จับตัวไปที่โรงพักหรอกนะ
ดังนั้นจึงจะให้เธอไปประกันตัวที่โรงพักสินะ?
ตำรวจที่อยู่ปลายสายเงียบลงไปก่อนแป๊บหนึ่ง จากนั้นเหมือนสูดลมหายใจเข้า แล้วจึงพูดไปใหม่“แม่ของคุณ......ตกลงมาจากบันได ตอนนี้กำลังช่วยชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล!”
“คุณพูดอะไรนะคะ?”สีหน้าวารุณีนิ่งไป
ตำรวจคิดว่าเธอได้ยินไม่ชัด ก็เลยพูดประโยคเมื่อกี๊ไปอีกรอบ“ตอนนี้แม่ของคุณกำลังถูกช่วยชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาล!”
ตอนนี้ วารุณีไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกแล้ว ในหัวก็มีเสียงดังตูมขึ้นมา รู้สึกว่าโลกทั้งใบทั้งหมุนลง เยือกเย็นไปทั้งตัว
แม่ตกลงมาจากบันได กำลังช่วยชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาล?
ตำรวจที่อยู่ปลายสายเห็นวารุณีจู่ๆก็ไม่ส่งเสียง เลยกังวลเล็กน้อย รีบตะโกนไปว่า:“คุณวารุณี คุณวารุณียังอยู่ไหม?”
วารุณีได้ยินเสียงของเขา ก็พยายามคืนสติกลับมา สูดลมหายใจเข้าลึกๆอดทนความตื่นตระหนกในใจและน้ำตาที่จะไหลออกมาจากเบ้าตา จับโทรศัพท์ไว้แน่นๆ ถามเสียงสั่นว่า“ฉันยังอยู่ค่ะ คุณตำรวจคะ กรุณาบอกฉันที แม่ฉันอยู่โรงพยาบาลไหน?”
“โรงพยาบาลกลางประจำจังหวัด”ตำรวจตอบ
เป็นโรงพยาบาลของพิชิต!
“ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะคุณตำรวจ”วารุณีก็ไม่สนที่จะถามว่าวรยาตกบันไดได้อย่างไร เธอรีบวางสาย แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาวิ่งออกไปจากออฟฟิศ จะรีบไปที่โรงพยาบาล
สำหรับเธอแล้ว ตกบันไดอย่างไรไม่สำคัญ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...