วารุณีมองเธอนิ่งๆ เงยหน้าเดินเข้าไป
ในห้องส่วนตัวสลัวเล็กน้อย เปิดเพลงคลาสสิค นิรุตติ์กำลังนั่งอยู่ที่โซฟา ไขว่ห้าง ในมือถือไวน์แดงแก้วหนึ่ง กำลังหลับตาส่ายแก้วไปมาเบาๆ ท่าทางดูชิล
“ผู้อำนวยการนิรุตติ์”วารุณียืนอยู่ด้านหลังโซฟา ตะโกนไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า
ชายหนุ่มที่ส่ายไวน์แดงอยู่ก็หยุดลง ค่อยๆลืมตามา
เขาไม่ได้สวมแว่น ตาคู่นั้นไม่มีเลนส์บังแล้ว ก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มองคน ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เหมือนถูกงูพิษจ้อง
วารุณีไม่ชอบสายตาแบบนี้ จึงละสายตาออกอย่างไม่รู้ตัว
นิรุตติ์หัวเราะ ยกนาฬิกาขึ้นมาดู“สามทุ่มห้าสิบแปดนาที ไม่เลวนี่ ไม่สาย”
วารุณีไม่พูดอะไร
นิรุตติ์ตบที่นั่งข้างๆ“ยืนทำไมล่ะ นั่งสิ!”
“ขอบคุณค่ะผู้อำนวยการนิรุตติ์”วารุณีชอบคุณเสร็จ ก็เดินไปที่โซฟา
แต่เธอไม่ได้นั่งตรงที่เขาเพิ่งตบลงไป แต่เดินไปนั่งโซฟาเดี่ยวตรงข้ามเขา ตั้งใจเว้นระยะห่างกับเขา
นิรุตติ์ก็มองออก และก็ไม่ใส่ใจ ดื่มไวน์แดงคำเดียวหมด แล้วเอาแก้ววางไว้ที่โต๊ะ“บอดี้การ์ดของคุณนี่หมายความว่าไง?บอดี้การ์ดสองคนนั้นคือพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ไม่ได้รับอนุญาตจากนัทธี ก็ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ ไม่ใช่ว่านัทธีรู้แล้วเหรอว่าคุณมาพบผม?”
เขามองเธออย่างสงสัย
วารุณีสบตากับเขาอย่างนิ่งๆ“ไม่รู้ ฉันแค่บอกกับนัทธีว่า ฉันจะไปเจอลูกค้าคนหนึ่ง ลูกค้าคนนั้นไม่ค่อยรักษาตามกฎเท่าไหร่ เขาเลยส่งบอดี้การ์ดสองคนมาจับตาดูฉัน ตอนนี้พวกเขาก็ถูกคุณสั่งให้อยู่ด้านนอกแล้ว ดังนั้นก็ไม่รู้ว่าคุณคือใคร คุณวางใจได้”
ได้ยินหญิงสาวพูดอ้อมๆว่าตัวเองไม่รักษาตามกฎ นิรุตติ์ไม่ได้โกรธอะไรแต่กลับหัวเราะ ท่าทางดูเหมือนอารมณ์ดี“ในเมื่อวารุณีพูดแบบนี้ งั้นผมก็จะเชื่อคุณละกัน อภัยให้ที่คุณไม่กล้าหลอกผม เพราะว่าผมรู้ ผลตอบแทนที่ตามมานั้นคุณจ่ายไม่ไหวแน่”
วารุณีละสายตาลง และเงียบอีก
นิรุตติ์หยิบขวดเหล้าขึ้นมา แล้วเทเหล้าอีกครั้ง เทไปสองแก้ว ก็ยื่นให้วารุณีแก้วหนึ่ง
ถึงแม้วารุณีไม่อยากรับ แต่เพื่อเป็นไปอย่างราบรื่น ก็รับไป จากนั้นชนกับเขาแก้วหนึ่ง เงยหน้าเอาปากแตะ ทำท่าเป็นเหมือนดื่ม“ผู้อำนวยการนิรุตติ์มีอะไรจะถาม ก็ถามเถอะ”
“เยี่ยมมาก!”นิรุตติ์ตบไปที่ขา จากนั้นท่าทีก็จริงจังขึ้นมา“ร่องรอยของพินัยกรรม คุณหาได้ยัง?”
“ยังค่ะ”วารุณีส่ายหน้า“แต่มีเบาะแสเล็กน้อย”
“อ้อ?”นิรุตติ์เลิกคิ้วขึ้น“ครึ่งเดือนก่อน คุณไม่ได้เบาะแสอะไรสักนิด ทำไมตอนนี้มีเบาะแสได้ล่ะ?”
วารุณีรู้ว่าเขากำลังเล่นแง่ ก็ไม่ตื่นตระหนก สบตาเขากับอย่างนิ่งสงบ“ก็คุณบอกแล้ว ถ้าฉันทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้ คุณก็จะลงมือกับคนรอบข้างฉัน ที่ฉันแคร์ที่สุด ก็คือลูกทั้งสองคนของฉัน ดังนั้นฉันจะไม่คิดหาหนทางได้ไงคะ”
“พูดได้ดีนะ งั้นคุณว่ามา คุณใช้วิธีไหนถึงได้เบาะแสมา?”นิรุตติ์เหมือนจะสนใจมาก จ้องมองไปที่เธอ ไม่รีบร้อนที่จะหาที่อยู่ของพินัยกรรมเลยสักนิด
วารุณีวางแก้วทรงสูงนั้นลง“ง่ายมาก เมื่อวานซืนซื้อยานอนหลับมา ใส่ในแก้วนัทธีไปสองเม็ด ถือโอกาสตอนที่เขาไม่ค่อยได้สติ ถามเขาถึงสถานที่ที่คุณปู่บรรพตจะซ่อนของไว้ หรือว่าเป็น สถานที่ที่ใส่ใจที่สุดที่อยากไปที่สุด”
“แค่นี้?”นิรุตติ์หรี่ตาลง
วารุณีพยักหน้า จากนั้นหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า วางไว้ที่โต๊ะ ดันไปตรงหน้านิรุตติ์“ด้านบนนี้ คือที่อยู่ที่ฉันถามมาได้ ด้านบนสองสามอันคือสถานที่ที่เป็นไปได้ที่จะซ่อนสิ่งของไว้ แต่ฉันคิดว่าความน่าจะเป็นนั้นไม่มาก”
“ยังไง?”นิรุตติ์มองที่อยู่ของสองสามอันด้านบนสุด
วารุณีค่อยพูด“เพราะว่าง่ายเกินไปไง แค่เข้าใจคุณปู่บรรพตหน่อย ก็จะคิดได้แล้ว ฉันคิดว่าผู้อำนวยการนิรุตติ์ จะต้องไปดูสถานที่พวกนีแล้วใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...