“ใช่ น่าจะเป็นเธอครับ”
“ไม่สิ ที่ตัวเธอถูกค้นหาดูแล้ว ไม่มีเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ใดๆ”นิรุตติ์พูดเสียงหม่น
เขามั่นใจจุดนี้มาก เพราะว่าเขาค้นเธอแล้ว
ผู้ช่วยอภิสิทธิ์เกาหัว“งั้นก็แปลก ในเมื่อไม่มี งั้นจะถูกเปิดเผยได้อย่างไรครับ?”
เวลานั้น นิรุตติ์ก็เงียบลง
ผ่านไปหลายวินาที เขาหลับตาลง ถามอีกว่า“ปัญหานี้ไว้ค่อยคิด พวกนัทธีถึงไหนแล้ว พามากี่คน?”
“ตอนที่ผมแจ้งคุณ ก็ห่างสิบกว่ากิโลเมตรได้ ตอนนี้น่าจะไม่ถึงสิบกิโลเมตร ส่วนคน ตอนนี้ยังไม่แน่ใจครับ เห็นแค่รถ MPV สี่คัน และรถตำรวจสามคัน”ผู้ช่วยอภิสิทธิ์คิดแล้วตอบไป
“รถ MPVสี่คัน รถตำรวจสามคัน”นิรุตติ์หัวเราะอย่างเย็นชา“ดูเหมือนว่าอย่างน้อยจะต้องมียี่สิบสามสิบคนเชียว เหมือนว่าเขาจะมีความคิดที่จะช่วยออกไปให้ได้”
“ผู้อำนวยการ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี?”ผู้ช่วยอภิสิทธิ์ยืนอยู่ด้านหลังเขา มองเขาแล้วถาม
นิรุตติ์ลูบขมับ“ย้ายตำแหน่งทันที แล้วติดตั้งอุปกรณ์บล็อกอีกสองสามอัน”
“ครับ!”เลขาอภิสิทธิ์ตอบรับไป แล้วไปจัดการทันที
สองสามนาทีถัดมา ฝูงคนก็ขึ้นรถไป เตรียมเคลื่อนย้าย
ทันใดนั้น เสียงดังของใบพัดก็ดังเข้ามา
สีหน้านิรุตติ์กับผู้ช่วยอภิสิทธิ์เปลี่ยนไป เปิดกระจกรถอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นมองเห็นบนฟ้ามีเฮลิคอปเตอร์หลายลำลอยอยู่ และเฮลิคอปเตอร์พวกนั้นก็ยังปล่อยบันไดเชือกลงมา
หมายความว่า คนในเฮลิคอปเตอร์ กระโดดร่มลงมาได้ตลอดเวลา
“คนด้านล่างฟังไว้ วางอาวุธลงและมอบตัวทันที วางอาวุธลงและมอบตัวทันที!”เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งมีเสียงของตำรวจเข้ามา
ผู้ช่วยอภิสิทธิ์กลัวจนตัวสั่น“ผู้อำนวยการ พวกประธานจัดหาเฮลิคอปเตอร์มา พวกเราถูกล้อมรอบไว้แล้ว”
นิรุตติ์ไม่พูด สายตาหม่นลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปสักพัก เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างหมองหม่น“เยี่ยมมาก นัทธีนี่พ่อบุญทุ่มจริงๆ เพื่อช่วยคุณแล้ว แม้แต่เฮลิคอปเตอร์ก็เอามาได้ วารุณี คุณดีใจใช่ไหม?”
เขาหันหน้ามองไปที่วารุณีที่ถูกทิ้งไว้เบาะหลัง และยังคงถูกมัดไว้
วารุณีไม่สนใจเขา เงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองไปที่นอกหน้าต่าง
ถ้าไม่ใช่ว่าบนปากถูกติดเทปอีก เธอก็จะตะโกนออกไปเสียงดัง บอกคนด้านนอก ว่าเธออยู่ในรถคันนี้
“คนด้านล่างฟังไว้ จะเตือนอีกครั้ง ลงจากรถเดี๋ยวนี้ ลงจากรถเดี๋ยวนี้!”คนบนเฮลิคอปเตอร์ตอนนี้เห็นรถด้านล่างสองสามคันยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ก็ตะโกนไปอีกครั้ง
ด้านหลัง นัทธีกับมารุตยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องโดยสาร สวมแว่นกันลมแล้วมองลงมา
มารุตพูด:“ประธาน หาไม่เจอจริงๆว่าคุณผู้หญิงอยู่คันไหน”
นัทธีไม่ตอบ สายตานั้นจ้องไปที่รถด้านล่างเขม็ง
ผ่านไปสักพัก มือข้างหนึ่งของเขาจับที่จับบนศีรษะเพื่อให้ยึดติดร่างแน่น มืออีกข้างกดบลูทูธที่หู“อารัณ หม่ามี๊อยู่คันไหน?”
ที่โรงพัก อารัณกำลังนั่งอยู่ข้างคอมพิวเตอร์ ได้ยินคำถามของเขา ก็กดไปที่แป้นพิมพ์ แล้วคว้าไมค์เล็กๆที่อยู่ข้างคอมพร้อมตอบว่า:“พ่อ หม่ามี๊อยู่ในรถคันกลางที่สุด”
คันกลางที่สุด!
นัทธีหรี่ตาลง สายตาล็อกไปที่รถคันกลางที่อยู่ด้านล่าง
“เอาปืนมาให้ผม”นัทธียื่นมือไปทางมารุต
มารุตอ้าปาก“แต่ว่า......”
“ให้ผมมา!”นัทธีพูดเสียงดังขึ้น น้ำเสียงนั้นดูไม่ให้ใครก็ตามขัดใจ
มารุตรู้ว่าเขาทนไม่ไหว ก็เอาปืนให้เขา
นัทธีรับไป เล็งปากกระบอกปืนไปที่ด้านหน้ารถ แล้วเหนี่ยวไกขึ้นมา
หลังจากมีเสียงอู้อี้ ฝากระโปรงหน้ารถของรถคันกลางก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ และเกิดควันดำขึ้นมา
เหตุการณ์นี้ ทำให้คนในรถหลายคันต่างตกใจ
ผู้ช่วยอภิสิทธิ์ที่เป็นคนกลัวตายอยู่แล้ว ก็ตกใจจนเอาหน้าไปซุกอยู่ที่ด้านล่างพวงมาลัย
แม้แต่ตัวของวารุณีก็สั่น หลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...