หลังจากที่ได้ดูคลิปเหตุการณ์นี้ไป นัทธีก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น
รอจนเลขากับแม่บ้านมาทำความสะอาดให้จนแล้วเสร็จ ตัวเขาเองก็เอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้
จนกระทั่งตอนเย็นวารุณีโทรมาหา เขาก็เพิ่งจะฟื้นสติขึ้นมาได้บ้าง
“ที่รัก วันนี้คุณยุ่งมากเลยเหรอคะ ?”เสียงปลายสายของวารุณีเอ่ยถามขึ้นมา
นัทธีหลุบตาลง “ไม่ มีอะไร?”
“เอ่อ......”ไม่รู้ว่าเพราะคิดไปเองรึเปล่า วารุณีรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาเย็นชาไปหน่อย แต่เพราะเขาพูดออกมาน้อยคำ เธอก็เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร
บางทีเธออาจจะฟังผิดไปก็ได้
เมื่อคิดได้แบบนี้ วารุณีก็จึงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ยิ้มแล้วพูดว่า“ ปรกติเวลานี้คุณมารับฉันแล้ว วันนี้คุณยังไม่มา เลยโทรมาถาม คิดว่าคุณคงน่าจะยุ่งอยู่ ”
“อืม ผมจะไปเดี๋ยวนี้”นัทธีตอบกลับ
“ค่ะ ขับรถดีๆนะคะ”วารุณีพยักหน้ารับ
เมื่อได้ยินคำว่าขับรถดีๆ ม่านตาของนัทธีก็ไหวสั่น สีหน้าก็ดำดิ่งแน่นิ่งลง ในหัวสมองมีภาพของรถคันสีแดงนั้นโผล่ขึ้นมา รถที่ชนพ่อแม่ของเขา
นัทธีวางโทรศัพท์ในมือลง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ระเบียงเพื่อรับลมเย็นๆ ให้ลมเย็นนั้นพัดพาปัดเป่าให้หัวสมองไม่คิดฟุ้งซ่าน
หากเขาสงบสติอารมณ์ลงไม่ได้ กับแค่การขับรถเขายังไม่รู้เลยว่าจะสามารถควบคุมมันได้ไหม
ยืนรับลมอยู่ได้สักพัก นัทธีก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง จากนั้นก็จึงออกจากที่ทำงาน ขับรถมุ่งตรงไปยังบริษัทของวารุณี
วารุณีกับลีน่าและปาจรีย์กำลังยืนคุยกันอยู่ตรงชั้นล่างของบริษัท
ลีน่ากำลังเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ดังนั้นจึงมาเพื่อที่จะบอกลาวารุณีกับปาจรีย์
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นรถหรูไมบัคสีดำคันหนึ่งก็ขับเข้ามา เทียบจอดอยู่ตรงข้างๆของพวกเขาสามคน
“วารุณี สามีเธอมาแล้ว”ลีน่าดันวารุณีออกห่าง แล้วยิ้มให้อย่างมีเลศนัย
วารุณีมองเธอแล้วยิ้มเยาะให้“ไปแล้วก็ตั้งใจทำผลงานให้ดี เดือนหน้าฉันก็จะไปแข่งขันระดับนานาชาติที่ต่างประเทศเหมือนกัน บางทีเราอาจจะได้เจอกันนะ”
“ต้องเจอกันแน่นอน ฉันได้ยินอาจารย์บอกว่า การแข่งขันการออกแบบนานาชาติของเธอ รอบชิงชนะเลิศ มีความเกี่ยวพันกับการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับของฉัน ขอแค่เราสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ ต้องได้เจอกันแน่นอน” ลีน่าตบไปที่ไหล่ของวารุณี
ปาจรีย์ยิ้มแล้วพูดว่า“พวกเธอทั้งคู่เก่งกันขนาดนี้ เข้ารอบชิงไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก ”
“ก็จริงนะ”วารุณีกับลีน่ามองหน้ากันแล้วพากันหัวเราะออกมา
หลังจากนั้น วารุณีก็โบกมือให้กับทั้งสองคน“ เอาล่ะปาจรีย์ ลีน่า ฉันไปก่อนนะ”
“แล้วเจอกันบ๊ายบาย!” ลีน่ากับปาจรีย์พยักหน้าให้
วารุณีเดินมาที่รถยนต์ไมบัค แล้วเปิดประตูด้านข้างคนขับออกแล้วขึ้นนั่ง “ขอโทษด้วยนัทธี ทำคุณรอนายเลยไหมคะ ?”
นัทธีไม่ตอบ แต่กลับจ้องมองหน้าเธอเหมือนกำลังมองหาอะไร
ใบหน้าของเธอสวยงามมาก เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาเลยก็ว่าได้
ใบหน้าที่สวยงามนี้ กับใบหน้าที่อ่อนเยาว์และไร้เดียงสาที่เขาเห็นมันผ่านคลิปวิดีโอในวันนี้ เหมือนเป็นภาพที่ทับซ้อนกันเลย
ไม่ว่าพวกเธอแม่ลูกจะเป็นคนที่ขับรถชนพ่อแม่ของเขาหรือไม่ แต่พวกเธอแม่ลูก ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
แล้วเขา จะทำยังไงกับเธอดี ?
“นัทธี ? นัทธีค่ะ?”เมื่อจู่ๆนัทธีเหม่อลอย วารุณีก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ยื่นมือไปด้านหน้าแล้วโบกไปมา
ดวงตาของนัทธีก็ไหวสั่น แล้วได้สติ “ว่าไง?”
“ฉันกำลังคิดว่าคุณเป็นอะไร เมื่อครู่ก็เหม่อลอย เรียกก็ไม่ได้ยิน”วารุณีกล่าว
นัทธีหลุบตาลงต่ำ เก็บซ่อนอารมณ์ในดวงตา น้ำเสียงทุ้มต่ำตอบกลับไปว่า “โทษที เราไปกันเถอะ”
“ค่ะ”วารุณีพยักหน้าให้ แต่ในใจก็กลับรู้สึกแปลกใจมากยิ่งขึ้น
เขาเป็นอะไรไป
ทำไมถึงได้ว่าง่ายอย่างนี้ เหมือนมีอะไรในใจ แต่ก็ไม่ยอมบอกเธอ หรือว่าที่บริษัทเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ?
ระหว่างทาง ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ภายในรถจึงมีเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งคู่เท่านั้น
เดิมทีวารุณีก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน หาเรื่องชวนอีกฝ่ายพูดคุยด้วย แต่นัทธีก็ไม่ต่อบทสนทนาของเธอ เอาแต่จ้องมองไปยังถนนเบื้องหน้า ราวกับไม่ได้ยินที่เธอพูดยังไงอย่างนั้น
ผ่านไปสักพัก วารุณีก็ไปต่อไม่ได้จึงเงียบไป
เพราะไม่มีการตอบโต้กัน ก็เหมือนพูดอยู่คนเดียว น่าอึดอัดไม่น้อย
ไม่นาน ก็มาถึงที่โรงเรียนอนุบาล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...