ดูแล้วนัทธีคงไม่เชื่อในคลิปวิดีโอนั้น แต่อย่างน้อยก็ยังมีส่งผลกระทบอยู่บ้าง
ไม่อย่างนั้นจู่ๆคงไม่ทำตัวเย็นชากับวารุณีแบบนี้
วารุณีเองก็มั่นใจแล้ว ว่าการกระทำของนัทธีที่มีต่อเธอนั้นเปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นเย็นชากับเธอขึ้นมาก
เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก และรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
หรือเธอทำอะไรผิดไป ? ทำให้เขาโกรธ เขาเลยมีท่าทีแบบนี้กับเธอ ?
วารุณีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็คิดไม่ออกว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจเข้า ในใจก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
หรือบางที เธอคงต้องคุยกับเขา เปิดอกคุยกันมันน่าจะดีกว่า
เมื่อคิดได้แบบนี้ วารุณีก็สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเดินเข้าคฤหาสน์ไป
หลังจากที่เข้ามาแล้ว เด็กทั้งสองคนก็นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา นวิยานั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง และกำลังเล่นมือถืออยู่
วารุณีหันมองไปรอบๆ ไม่เห็นร่างของนัทธี จึงถามขึ้นว่า“คุณพ่อล่ะ?”
“คุณพ่ออยู่ที่ห้องหนังสือครับ”อารัณหันกลับมาตอบ
วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง แล้วก้าวเท้าเดินขึ้นไปยังชั้นบน
นวิยาเงยหน้าขึ้นมองไปยังแผ่นหลังของหญิงสาว มุมปากยกหยักขึ้นอย่างเงียบๆ
วารุณีมาถึงที่หน้าห้องหนังสือของนัทธี แล้วเคาะประตู
ภายในห้องมีเสียงทุ้มต่ำของนัทธีดังขึ้น “เข้ามา”
วารุณีเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป “นัทธี”
เมื่อนัทธีเห็นว่าเป็นเธอ ดวงตาก็มืดมนเล็กน้อย “คุณมาทำไม ?”
“ฉันอยากจะคุยกับคุณ”วารุณีเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม
นัทธีเม้มปาก“คุยอะไร?”
“คุยเรื่องท่าทีของคุณในวันนี้” วารุณีมองตรงไปยังใบหน้าที่เย็นชาของเขา “นัทธี วันนี้คุณเป็นอะไร ฉันรู้สึกว่าคุณไม่เหมือนกับทุกวัน ท่าทีที่คุณมีต่อฉันก็เปลี่ยนไป ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือทำอะไรให้คุณไม่พอใจใช่ไหมคะ?”
“ไม่มี”นัทธีหลุบตาลงแล้วพูดตอบเสียงเรียบ
วารุณีคลึงไปที่หว่างคิ้ว “แต่การแสดงของคุณมันไม่ได้บอกอย่างนั้น นัทธี ฉันทำอะไรผิดไปคุณก็พูดมาสิ ให้ฉันได้รู้ ฉันจะได้ขอโทษคุณ”
เธอเอามือวางไปที่อกของเธอ
เธอเกลียดความรู้สึกที่ต้องมาคาดเดา และต้องมาคิดเองอะไรแบบนี้
นัทธีลุกขึ้นยืน “ ผมบอกไปแล้วว่าไม่มีก็คือไม่มี”
“แต่ว่า......”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น คุณออกไปก่อนเถอะ”นัทธียกมือขึ้นกุมไปที่ขมับ
วารุณีมองไปยังท่าทีที่เย็นชาของเขา ริมฝีปากแดงๆก็ขยับไปมา แต่สุดท้ายก็เดินออกจากห้องไป
หลังจากที่เธอไปแล้ว นัทธีก็เปิดลิ้นชัก แล้วหยิบซิการ์ออกมาจุดไฟยกขึ้นจรดปาก แล้วสูบมัน
ควันสีขาวก็คละคลุ้งไปทั่ว ปกคลุมจนมองไม่เห็นใบหน้าของเขา
แต่ลมหายใจต่ำๆก็อบอวลไปรอบตัว และเผยให้เห็นอารมณ์ของเขาในขณะนี้ ที่ทั้งหนักอึ้ง กระวนกระวายใจ และสับสน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นานจนซิการ์มวนหนึ่งเกือบจะหมด และโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา
นัทธีดับไฟของซิการ์ให้มอด หยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วมองดู เป็นสายของมารุตที่โทรเข้ามา คงจะรู้ผลที่ให้ไปเช็กเมื่อตอนกลางวันแล้ว ในใจของเขาก็หนักอึ้งขึ้นมา ไม่มีความกล้าพอที่จะกดรับสาย
หากไม่รับ เขาก็ไม่ต้องมารับรู้ว่าคลิปวิดีโอนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม คิดซะว่ามันเป็นเพียงกลอุบาย แล้วกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวกับวารุณีเหมือนเดิม
แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งบอกเขาว่า ต้องรับสาย และต้องรู้ความจริงของเรื่องนี้ให้ได้
เพราะว่า การสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อแม่เขา เขามุ่งมั่นและยืนหยัดมานานกว่าสิบปีแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะละทิ้งมันไปตอนนี้
ในจังหวะนั้น ขณะที่นัทธีกำลังลังเลว่าจะรับสายหรือไม่รับสายดีนั้น เพราะตัวเขารู้ดี ว่าหลังจากที่รับสายนี้ไปแล้ว นั้นก็หมายความว่าชีวิตหลังจากนี้ของเขา จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลัง
ดังนั้น เขาควรที่จะรับมันไหม?
นัทธีมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าดังไม่หยุด ก็เม้มริมฝีปากแน่น
แต่สุดท้าย เขาก็เลือกที่จะรับสาย อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อแม่ตัวเอง เพื่อเอาชนะความรู้สึกที่มีต่อวารุณี
“ฮัลโหล”นัทธียกโทรศัพท์ขึ้นแล้วแนบไปที่หู
“ท่านประธานครับ”มารุตเอ่ยเรียกชื่อเขา จากนั้นก็เงียบไป
เมื่อนัทธีเห็นเขาไม่พูดอะไร มือที่กำโทรศัพท์อยู่ ก็กระชับแน่นขึ้น หัวใจก็หล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...